สุดทน! “โย” เปิดหมดใจ ไม่อาจแฉสัมพันธ์ “ตู่-เอ๋” ได้
"โย" สุดทน ! เปิดหมดใจกรณี โดนกล่าวหาเป็น "เมียน้อย" เผยมีความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ - ตู่ นันทิดา" ที่ไม่สามารถพูดได้ เพราะต้องรักษาสัจจะ เผยเหตุเลิกคบกับเอ๋ไม่ได้ เพราะเป็นคนมีความรับผิดชอบ อ่อนโยน ไม่ใช่มาเฟีย
หลายครั้งที่นางแบบสาวหุ่นดี “โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร” ตกเป็นข่าวฉาวดังกระฉ่อนเรื่องชู้สาวกับ “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” สามีของ “ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย” ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันอยู่หลายครั้งถึงเรื่องความสัมพันธ์นั้นเป็นเพียงเพื่อนคบหากันธรรมดา แต่ก็มักจะมีภาพปาปารัสซี่หลุดออกมาย้ำความสัมพันธ์ที่มันดูลึกซึ้งเกินคำว่าเพื่อนซะทุกครั้งไป ทำให้โยถูกคำครหาว่า เป็นกิ๊ก , มือที่สาม , เมียน้อยฯลฯ
ท่ามกลางกระแสสังคมที่ตัดสินความสัมพันธ์กับทั้งคู่ไปเรียบร้อย แต่จะมีใครรู้บ้างว่า เบื้องหลังคำพิพากษาจากสังคมอยู่นั้นยังมีความจริงที่โยบอกว่า ไม่สามารถที่จะเปิดปากถึงความสัมพันธ์ของ “เอ๋ – ตู่” ได้ เพราะต้องรักษาสัญญาที่มีให้ไว้กับเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ และถ้าทั้งคู่ยังไม่ประกาศอะไรออกมา ตนเองก็ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้
วันนี้ “โย ยศวดี” ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่า “เป็นเมียน้อย” ขอเปิดหมดใจ......
“ก่อนหน้านี้โยหายไปนานพักใหญ่ เพราะว่าปีที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเยอะมาก มันทำให้ชีวิตโยเปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนไปในทางที่แย่หรือเปล่ามันก็ไม่ได้แย่มาก แต่ว่ามันทำให้เราไม่ยึดติดมีความสุขกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือว่าชีวิตส่วนตัวก็ตาม เราพยายามที่จะไม่เจอผู้คนมากนัก ไปอยู่เงียบๆ มานานพอสมควร”
“ทั้งข่าวและคดีหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันเริ่มทำให้เราหยุดคิดและตรึกตรองว่า อะไรที่มันผ่านมาในชีวิตและสิ่งที่เราทำไปนั้นมันถูกต้องหรือเปล่า ยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว เป็นปีที่เรารู้สึกแย่กับชีวิตมาก มันมีหลายเรื่องเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเราทำร้ายคน ถึงขนาดต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน แล้วยังมาติดคดีคุณเอ๋ (ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม) ด้วย พร้อมทั้งมีการประโคมข่าวเกี่ยวกับคุณเอ๋ โย คุณตู่ ยอมรับว่าแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่แย่ๆทั้งนั้น”
“คนไทยส่วนใหญ่เวลาอ่านข่าวจิตใจโอนเอียงไปทางเนื้อข่าวประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พอเห็นข่าวเกี่ยวกับรักสามเส้าคนก็จะไปให้ความสนใจเห็นใจกับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นยังไง อันนี้ต้องยอมรับว่าสังคมไทยเราเป็นแบบนี้”
“แต่ถามว่ามายด์กับคนมาคอมเม้นท์ไหม ไม่มายด์เรามายด์กับคนในครอบครัวมากกว่า ทำไปแล้วคนในครอบครัว คุณแม่ พี่สาว จะรู้สึกอย่างไร เพื่อนๆ จะถามว่าเคยเข้าไปดูกระทู้บ้างมั้ย ตัวเองเป็นคนที่เล่นคอมพิวเตอร์เยอะมาก แต่เล่นในเรื่องการทำงานมากกว่าแชทที่แบบว่าไปนั่งด่าชาวบ้านเขาไม่ค่อยทำและไม่ค่อยอ่านด้วย มันเป็นอะไรที่สังคมไทยเปิดกว้างให้คนแบบนี้เข้ามามีบทบาทและไปให้การสนับสนุน ซึ่งโยเป็นคนหนึ่งที่ไม่สนับสนุนและไม่ใส่ใจอะไรกับคอมเม้นท์พวกนี้”
“แต่ถามว่าหวั่นไหวไหม เวลาที่เดินไปตามท้องถนนแล้วมีคนกระซิบกระซาบกัน ตรงนี้มันหวั่นไหวมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการแล้ว เพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่จะตื่นตาตื่นใจไปกับคนในวงการบันเทิงไม่ว่าจะเป็นในทางที่ดีหรือในทางที่ไม่ดี อย่างมีข่าวเม้าท์มาเดินไปก็สะกิดเรียกดูทั้งแถว เราก็ต้องทำใจอย่าไปใส่ใจ ถ้าใส่ใจกับคนแรกเดินตั้งแต่หน้าห้างยันท้ายห้างเราก็ต้องใส่ใจไปถึงคนสุดท้ายด้วย เพราะฉะนั้นอะไรที่มันเป็นขยะของสมองเราก็จะพยายามตัดมันออกไป”
“ถ้าเขาจะตัดสินเราว่าเป็นคนไม่ดีจากข่าวตรงนี้ไม่ค่อยกลัว แต่ก็มีรู้สึกบ้างจากสายตาของเหล่าแม่บ้านเวลาที่เขามองเรา เขาจะมองด้วยสายตาแปลกๆ แน่นอนว่าเขาเชื่อข่าวที่เกิดขึ้น แล้วก็มั่นใจด้วยว่าเราเป็นมือที่สาม เราทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก”
“ถ้าเราไปมองก็จะรู้สึกแย่ เลยเลือกใช้วิธีอย่าไปมอง อย่าไปใส่ใจ แต่ถามว่าเราแคร์ไหม เราแคร์ในตรงจุดที่ว่า เราไม่สามารถแก้ตัวได้ ไม่สามารถไปป่าวประกาศให้กับคนเหล่านั้นเขารู้ลึกๆ รู้ถึงความจริงได้ ตรงนี้ก็จะรู้สึกนิดนึง”
“มีครั้งหนึ่งเคยโดนด่าแรงๆ ไปแย่งผัวชาวบ้านเขาก็ยังโดนมาแล้ว เขาไม่ได้มาด่าต่อหน้าแต่มีน้องที่เขาเป็นห่วงเรามาบอก ก็รู้สึกโมโหทำไมถึงต้องรุนแรงขนาดนี้ ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยทำไมถึงต้องมาด่ากันหยาบคาย เขาไม่ได้รู้จักเราจริงๆ เพียงแค่รู้จักเราจากสิ่งที่เขาอ่าน สิ่งที่เห็นตามข่าวเท่านั้นเอง”
“บัญญัติหนึ่งในชีวิตที่จะไม่ทำเด็ดขาดคือการที่จะไปแย่งสามีใคร ไม่ใช่ว่าแอนตี้คนที่เขาเคยทำนะ แต่โดยส่วนตัวเราคิดว่าเราก็มีดีพอ เพราะเราก็มีการศึกษามากพอคงไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำแบบนั้น ผู้ชายก็ไม่ได้มีอยู่แค่คนสองคนในโลกนี้”
“กับภาพหลุดต่างๆ ที่ออกมา โยว่ามันไม่มีอะไรมันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าโยเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งแล้วไปเดินกับผู้ชายต่อให้เดินจูงมือกัน หรือมีอะไรกันก็คงไม่มีใครสนใจ แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งคู่โยโดนเล่นข่าวนี้มาตลอดทั้งปี ถ้ามาถามโยว่า ภาพมันดูแรงไหม บอกตรงๆ ว่ามันไม่มีอะไร เราไม่ได้ถึงขนาดไปกอดจูบกัน”
“แต่ก็มีคนมองจากภาพแล้วบอกว่าเราจูบกัน เราคงไม่จูบกันในที่สาธารณชนให้เขาเห็นหรอก ตอนวินาทีนั้นที่กล้องมันรัว เราเองก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า เดินขึ้นเดินลงยังไงคงเป็นอิริยาบถของคนปกติคู่หนึ่ง ในช่วงนั้นยอมรับว่าเราสนิทกันไปเที่ยวกันบ่อยมาก และที่ตรงนั้นไม่คิดว่าจะมีใครมาเอากล้องแอบถ่าย หาดก็เป็นหาดส่วนตัวด้วยถ้าไม่มีเรือก็ไปไม่ได้“
“ก็ไม่รู้ว่าจะกระพือข่าวนี้ไปเพื่ออะไร มันมีภาพคนกอดกันจูบกัน ทำอะไรที่เยอะกว่านี้อีก ภาพโยถือว่าซอฟท์ไปเลย ภาพที่หลุดออกมาเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มันหลุดออกมาหรอก แต่ถามว่าถ้าต้องมานั่งระวังกันตลอด 24 ชั่วโมงไม่ไปไหนมาไหน ไม่ไปกินข้าว ไม่ไปทำอะไรด้วยกัน อันนี้ก็คุยกันลำบากมากกับการคบกัน โยถึงบอกว่ามันพูดอะไรไม่ได้จริงๆ มันเหมือนน้ำท่วมปากแต่ตอนนี้มันท่วมจนมันล้นไปทั้งหน้าแล้ว (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่ปาก”
“ในสังคมไทยจะเห็นได้ว่ามีบ้านเล็ก บ้านใหญ่ เมียน้อย เมียหลวง เพราะฉะนั้นเขาจะคิดว่าเวลาสามีภรรยาที่ไม่ได้ประกาศหย่า ไม่ได้เลิกกันยังคงใช้นามสกุลเดียวกันหรือจะไม่จดทะเบียนอันนี้ก็ไม่ทราบนะ แต่ตราบใดที่ไม่ได้ออกมาประกาศว่าเลิกรากันก็ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ เพราะฉะนั้นตามสถานภาพแล้วยังถือว่าสมรสสังคมไทยยังเป็นแบบนี้ แล้วการมีบ้านเล็ก บ้านน้อย บ้านใหญ่มันมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรดูละครนางทาสก็เปิดโอกาสให้ผู้ชายสามารถมีเมียน้อยได้เยอะ เพราะฉะนั้นจะไม่ให้คนคิดก็คงจะเป็นไปไม่ได้เราจะไปว่าอะไรได้”
“แต่ถึงโยจะไม่แคร์สายตาคนอื่น แต่คำว่าเมียน้อยในสมัยนี้ สำหรับโยถือว่ามันรุนแรง และดูแย่กว่าสมัยก่อน เพราะสมัยนี้คนเราเจริญแล้ว มีการศึกษาทุกอย่าง โยถือว่าการที่จะยอมเป็นเมียน้อยคน ถ้าไม่มีเหตุผลเรื่องความมั่นคงจริงๆ คงจะไม่มีใครเลือกทำแบบนั้นแน่นอน”
“และเรื่องความมั่นคงสำหรับโย คิดว่าเรามีเพียงพอ เราทำงานมาตั้งแต่เด็กเก็บทรัพย์สินทุกอย่างไม่ต้องมีแฟนร่ำรวยโยก็อยู่รอดได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นเมียน้อยใคร โยมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะเป็นเมียน้อย และความรักอย่างเดียวคงเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ใครยอมมาเป็นรองไม่ได้ ถ้าสถานภาพมันไม่บีบบังคับจริงๆ”
“เพราะฉะนั้นใครจะมาตัดสินโยด้วยภาพหรืออะไรต่างๆ โยถือว่าคนนั้นเขามีการศึกษามาดีรึเปล่า ถ้าตัดสินคน ณ แค่ตรงนั้นโยก็ไม่อยากคิดอะไรมาก เพราะถือว่าแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน เราจะไปตัดสินแทนเขาก็ไม่ได้ จะไปยื้อเขามาแล้วจับเขาหยิกหู หยิกแก้มให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราพูดก็ไม่ได้
[ แก้ไขล่าสุด ozone เมื่อ 2008-5-16 11:16 ]
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้