โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือจอมแท็คติกชาวโปรตุกีส ซึ่งโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ออกเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา เปิดใจว่าตนไม่อยากเป็นคนดีตอนที่กุมบังเหียนทัพ “ปีศาจแดง” เพราะรู้สึกว่าการเป็นแบบนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่หุ่นเชิด
หลังจากทำทีมได้น่าผิดหวังเมื่อเริ่มต้นฤดูกาลล่าสุดได้ย่ำแย่ในรอบ 28 ปีของสโมสร โดยหลังจากที่ “เฮียมู” ออกไปแล้ว บอร์ดบริหารได้ดึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามากุมบังเหียนด้วยสัญญาจนกระทั่งสิ้นซีซั่น 2018-19
สร้างผลงานสุดยอดด้วยการนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 10 จาก 11 เกมแรก ด้วยผลงานดีมีคุณภาพทำให้เขาได้รับสัญญากุมบังเหียนถาวรเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น “ผีแดง” ผลงานก็สาละวันเตี้ยลงโดยชนะแค่ 2 จาก 10 เกมนับตั้งแต่ที่มีการประกาศแต่งตั้ง พร้อมทั้งทีมพลาดตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
มูรินโญ่ เปิดใจว่า
“ปกติแล้วความรู้สึกของนักเตะจะโดนกัดกร่อน โดยเฉพาะเมื่อคุณถามอะไรมากมายกับพวกเขา ตอนที่ผมบอกว่านี่เป็นฤดูกาลที่สองที่น่าเหลือเชื่อ ผมพูดเพราะเรามีพัฒนาการ และได้พบกับเป้าหมายที่ชัดเจน ทำไมนะเหรอ ? เพราะผมกำลังบีบเค้นศักยภาพของนักเตะเพื่อที่จะประสบความสำเร็จกับพวกเขา”
“เมื่อคุณมีกลุ่มนักเตะมืออาชีพซึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน, ทำงานหนัก และมีพรสวรรค์ พร้อมกับโครงสร้างของสโมสร คุณไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอะไรเลย แต่เมื่อไหร่ที่คุณเหมือนอยู่ตัวคนเดียว คุณไม่ได้รับการสนับสนุนจากสโมสร แน่นอนว่านักเตะเริ่มต่อต้านโค้ชซึ่งเป็นคนดี ผมไม่อยากเป็นคนดี เพราะคนดี หลังจากผ่านไป 3 เดือน ก็คือหุ่นเชิด แบบนั้นมันแย่มากๆ”
“ผมเคยพูดไปแล้วเมื่อ 9 หรือ 10 เดือนก่อนหลังจากที่ชนะเกมลีก 8 แมตช์ พร้อมกับจบอันดับ 2 ร่วมกับ ยูไนเต็ด อาจจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม ตอนนี้หลายๆ คนเข้าใจแล้ว หากเกี่ยวกับ ยูไนเต็ด ผมอยากพูดแค่สองเรื่อง เรื่องแรกคือเวลาจะเป็นตัวบอกเอง เรื่องที่สองคือปัญหายังคงมีอยู่ที่นั่น”
แหล่งข้อมูล : siamsport
อ่านข่าวเกี่ยวกับบอลได้ที่ www.casa982.com
โพสต์โดย : ploysai555 เมื่อ 16 พ.ค. 2562 13:15:19 น. อ่าน 139 ตอบ 0