หงส์-ราชันสวนทาง!เปิดโผทีมยอดเยี่ยม-แย่ชปล.ประจำซีซั่น

เปิดโผทีมยอดเยี่ยม-ยอดแย่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำฤดูกาล 2018-19 ที่ต้องบอกเลยว่าลิเวอร์พูล แชมป์ซีซั่นนี้ กับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่า ผลงานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หลังจาก "หงส์แดง" ติดโผทีมยอดเยี่ยม 3 คน สวนทางกับแข้ง "ราชันชุดขาว" ที่ติดทีมยอดแย่ 3 คนเช่นกัน

    ลิเวอร์พูล เพิ่งผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-19 พร้อมเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ของสโมสร หลังเอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 จากประตูชัยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดิว็อค โอริกี้ 

    สื่อต่างประเทศอย่าง squawka ได้ทำการจัดโผทีมยอดเยี่ยม ยอดแย่ ชปล.ฤดูกาลนี้ส่วนจะมีหน้าตาออกมาอย่างไรนั้นไปดูกันเลย

ผู้รักษาประตู : อลีสซง (ลิเวอร์พูล)

    นายประตูทีมชาติบราซิลโชว์ผลงานสุดยอดโชว์ซูเปอร์เซฟนับไม่ถ้วนในเกมนัดชิงชนะเลิศพร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์แบบไม่เสียประตู และเป็นคลีนชีทสองเกมติดต่อกันในรายการนี้ด้วย 

    นอกจากนี้เจ้าตัวยังเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้แบบเห็นได้ชัด หลังจากปีที่แล้ว ลอริส คาริอุส นายประตูชาวเยอรมันโชว์ข้อผิดพลาดให้เห็นในนัดชิงกับ เรอัล มาดริด จนทีมแพ้ไปในที่สุด  

แบ็กขวา : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)

    เจ้าหนูวัย 20 ปี โชว์ฟอร์มโดดเด่นสุดๆ โดยเฉพาะการเติมเกมบุกที่ยอดเยี่ยม ซีซั่นนี้เขาทำไป 3 แอสซิสต์ ในรายการนี้ พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยกว่า 21 ปี (20 ปี กับ 237 วัน) คนแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้ลงตัวจริงเกมรอบชิงฯ สองซีซั่นติดต่อกัน

เซ็นเตอร์ : มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ (อาแจ็กซ์)

    แม้จะอยู่ในวัยเพียง 19 ปี แต่ด้วยฝีเท้าและภาวะความเป็นผู้นำที่เกินวัย ทำให้ปราการหลังชาวดัตช์ถือเป็นกำลังหลักของ อาแจ็กซ์ ชุดนี้ในการทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศก่อนจะโดน สเปอร์ส เขี่ยตกรอบไปแบบน่าเสียดาย และทำให้เขากลายเป็นแข้งดาวรุ่งเนื้อหอมมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรปในช่วงซัมเมอร์นี้ 

เซ็นเตอร์ : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

    ปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์เป็นกำแพงหินด่านสุดท้ายที่มีส่วนสำคัญช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูซีแอลมาครองได้สำเร็จ โดยทำสถิติสุดยอดไม่มีใครหน้าไหนเลี้ยงผ่านเขาได้เลยตลอด 64 เกมหลังสุดที่เขาลงเล่นให้กับทีมซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ลิโอเนล เมสซี่!  

แบ็กซ้าย : จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า)

    ไม่มีแนวรับคนไหนที่จ่ายให้เพื่อนทำประตูมากกว่าเขาอีกแล้ว หลังแข้งชาวสแปนิชทำไปถึง 5 แอสซิสต์ ซึ่งเทียบเท่ากับบรรดาแนวรุกอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ดูซาน ดาดิช และลีรอย ซาเน่ 

กองกลาง : เซร์คิโอ บุตเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า)

    มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนยังคงโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอกับทีม "เจ้าบุญทุ่ม" โดยในรายการนี้เขาเป็นผู้หนึ่งในผู้เล่นที่ทำสถิติผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดที่จำนวน 903 ครั้งคิดเป็น 93.19% 

กองกลาง : แฟรงกี้ เดอ ยอง (อาแจ็กซ์)

    ดูเหมือนค่าตัว 75 ล้านยูโรที่ บาร์เซโลน่า เสียให้ อาแจ็กซ์ จะเป็นดีลที่คุ้มค่าซะแล้ว หลังจากเจ้าตัวโชว์ผลงานเยี่ยมเคยสร้างสถิติเป็นแข้งอายุน้อยที่สุด (21 ปี, 333 วัน) ที่สัมผัสบอลมากที่สุดถึง 117 ครั้งในเกมที่พบกับ ยูเวนตุส 

    ดาวเตะวัย 21 ปีมีสไตล์การเล่นที่เหมือนการผสมผสานระหว่าง เซร์คิโอ บุตเก็ตส์ กับ อันเดรียส อิเนียสต้า เข้าด้วยกัน พร้อมทำให้บรรดาแข้งมิดฟิลด์ระดับโลกอย่าง ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, มิราเล็ม ปานิช และ คริสเตียน เอริคเซ่น ดูดร็อปลงทันตาเห็น   
    
กองกลาง : มุสซ่า ซิสโซโก้ (สเปอร์ส)

    นอกจาก ลูคัส มูร่า และ ซน เฮือง มิน สองแนวรุกจาก "ไก่เดือยทอง" ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในถ้วยใบนี้แล้ว ซิสโซโก้ กลายเป็นอีกหนึ่งแข้งฟอร์มเด่นที่ไม่ถูกพูดถึงมากนักแม้จะโชว์ลูกผิดพลาดทำทีมเสียจุดโทษในนัดชิงฯก็ตาม 

     แต่ด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่วิ่งไม่มีหมดตลอด 90 นาทีมีส่วนร่วมทั้งเกมรุกเกมรับทำให้เขาเป็นหนึ่งเดียวจากสเปอร์สที่ติดโผทีมยอดเยี่ยมซีซํ่นนี้ 

กองหน้าฝั่งขวา : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

    แม้จะไม่สามารถพาทีมมาถึงฝั่งฝันได้ แต่จากผลงาน 12 ประตูคว้าดาวซัลโวชปล.ซีซํ่นนี้ไปครองก็คงไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่ากองหน้าชาวอาร์เจนไตน์อีกแล้วในการติดโผตำแหน่งนี้ 

กองหน้าตัวเป้า : ดูซาน ทาดิช (อาแจ็กซ์)

    6 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงพา อาแจ็กซ์ ทะลุมาถึงรอบรองนะเลิศได้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ทำให้กองหน้าชาวเซิร์บจะติดโผเป็นกองหน้าดีที่สุดในการจัดอันดับ  
    
กองหน้าฝั่งซ้าย : คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ (เปแอสเช)

    แม้เปแอสเชจะกระเด็กตรอบไปแบบรวดเร็ว แต่ผลงานของกองหน้าเลือดน้ำหอมก็ยังดีพอจะติดทีมยอดเยี่ยมได้ หลังทำไป 4 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ 

ทีมยอดแย่ 

ผู้รักษาประตู : ราล์ฟ แฟร์มันน์ (ชาลเก้ 04)

    นายประตูมากประสบการณ์เสียไปถึง 14 ประตูในรายการนี้ และเซฟได้เพียง 16 ครั้งคิดเป็น 53.33% ซึ่งทำได้ต่ำกว่าทั้ง มาร์ค อังเดร แทร์ สเตเก้น, อลีสซง, โอนาน่า, ดาบิด เด เคอา และ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช ที่ทำได้ 71% ขึ้นไป 

แบ็กขวา : แซร์จี้ โรแบร์โต้ (บาร์เซโลน่า)

    แม้จะเล่นกองกลางได้ยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอเมื่อดาวเตะชาวสแปนิชถูกจับมาเล่นเป็นแบ็กขวาจำเป็น ซึ่งเจ้าตัวมีข้อผิดพลาดมากโดยเฉพาะในเกมที่ต้นสังกัดบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 0-4 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมตกรอบ

เซ็นเตอร์ : เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)

    ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปราการหลังกัปตันทีมมีส่วนที่ทำให้ "ราชันชุดขาว" ตกรอบแบบพลิกความคาดหมายด้วยน้ำมือ อาแจ็กซ์

    หลังจากเกมแรกเจ้าตัวไปเจตนาโดนใบเหลืองเพื่อล้างโทษแบนในนัดถัดไปในเกมเลกแรกที่เอาชนะ อาแจ็กซ์ 2-1 ทำให้หมดสิทธิ์ที่จะลงเล่นเกมถัดไป ก่อนที่ต้นสังกัดจะแพ้คาบ้านต่อทีมดังจากฮอลแลนด์ไปด้วยสกอร์ขาดลอย 1-4 

เซ็นเตอร์ : เอเมอริค ลาป๊อร์กต์ (แมนฯ ซิตี้)

    ถึงแม้ปราการหลังเลือดน้ำหอมจะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับ "เรือใบสีฟ้า" แต่ความผิดพลาดในเกมกับสเปอร์สคือสิ่งที่ทำให้ต้นสังกัดกระเด็นตกรอบ

แบ็กซ้าย : แอชลีย์ ยัง (แมนฯ ยูไนเต็ด)

    แบ็กชาวอังกฤษเป็นผู้เล่นที่ถูกแฟนบอลและสื่อวิจารณ์อย่างหนักหน่วง หลังเล่นได้น่าผิดหวังตลอดหลายเกม นอกจากเกมรับที่แย่แล้วเขายังเปิดบอลได้ห่วยอีกด้วย

กองกลาง : เนมานย่า มาติช (แมนฯ ยูไนเต็ด)

    มิดฟิลด์ชาวเซอร์เบียโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังในซีซํ่นนี้ และได้ลงเล่นในรายการนี้เพียง 6 เกมเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถช่วยทีมทีมได้เท่าที่ควรจะเป็น 

กองกลาง : ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด)

    มิดฟิลด์เจ้าของบัลลง ดอร์คนล่าสุด ผลงานดร็อปลงไปแบบน่าใจหายแตกต่างจากปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเกมกับ อาแจ็กซ์ เขาคุมแดนกลางสู้ แฟรงกี้ เดอ ยอง ไม่ได้เลย 

กองกลาง : โทนี่ โครส (เรอัล มาดริด)

    เป็นอีกหนึ่งคนจากรั้ว "ราชันชุดขาว" ที่ผลงานไม่สู้ดีนักในฤดูกาลนี้ คืออีกหนึ่งปัจจัยทำให้ทีมมีผลงานตกลงไปมาก

ปีกขวา : อิวาน เปริซิช (อินเตอร์ มิลาน)

    อีกหนึ่งแข้งที่เป็นฮีโของทีมชาติโครเอเชียกรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย แต่ซีซั่นนี้ผลงานของเขากับสโมสรน่าผิดหวังสุดๆ 

    ตลอด 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่มเขาไม่สามารถผลิตสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้เลย 

กองหน้า : หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า)

    ดาวยิงอุรุกวัยยังเรียกฟอร์มเก่งในเกมยุโรปออกมาไม่ได้ โดยซีซั่นนี้เขาเพิ่งทำไปเพียงลูกเดียวเท่านั้นนั่นคือการยิงใส่อดีตทีมเก่า ลิเวอร์พูล ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งยังคงเท้าบอดในถ้วยใบนี้ต่อเนื่อง หลังจากซีซํ่นที่แล้วเขาก็ทำได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น

ปีกซ้าย : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 

    มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งสมัยเล่นให้ ลิเวอร์พูล ได้เลย แม้รายการนี้เขาจะทำได้ 3 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ก็ตามแต่ก็ยังไม่วายถูกยกให้ติดอยู่ในทีมยอดแย่ของการจัดอันดับ