หนังเรื่อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหงส์แดงแบบเต็มๆทั้งเรื่อง
ใครที่เคยดูแล้วคงจะได้ลิ้มรส ความรู้สึกทั้ง ความสุข เศร้า หดหู่ และภูมิใจ
ที่จะเล่าต่อไปนี้คือเนื้อหาในภาพยนต์ บอกก่อนว่า สปอยล์ เต็มๆเลย
Will (เจ้าหนูหัวใจหงส์แดง, 2011)
วิลล์ วัย 10 ขวบ ต้องอยู่ในความดูแลของซิสเตอร์เพราะถูกพ่อทิ้งหลังแม่เสียชีวิตไปได้ไม่นาน
วิลล์ อาศัยร่วมกับเด็กคนอื่นในรั้วโรงเรียนทางตอนใต้ของอังกฤษ
ในขณะที่เด็กคนอื่น ต่างมีความฝันที่เหมือนๆกัน แต่วิลล์ กลับคลั่งไคล้
ลูกหนังชนิดเข้าเส้นโดยเฉพาะทีมลิเวอร์พูล
พ่อของวิลล์กลับมาหาลูกชายอีกครั้งหลังทำใจได้เรื่องเสียภรรยาไป
วิลล์และพ่อต่างชื่นชอบฟุตบอลเหมือนกัน โดยพ่อของวิลล์เล่าความหลังเรื่องฟุตบอลในวัยเด็กของตนให้ลูกชายฟัง
วิลล์กลับมารู้สึกผูกพันกับพ่ออีกครั้ง และบอกกับพ่อว่า ตัวเองฝันเห็นหลุยส์ การ์เซีย ทำประตูชัยพาลิเวอร์พูลเข้ารอบชิงฯ(ช่วงเวลาในเรื่อง อยู่ระหว่างรอแข่งรอบรองฯ นัดที่สอง ที่ลิเวอร์พูล พบกับ เชลซี นัดแรกจบ 0-0)
หลังสนทนากันเสร็จ พ่อของวิลล์ได้ชูกระดาษสองใบ คือตั๋วเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แน่นอน หากสิ่งที่วิลล์บอกพ่อนั้นเป็นจริง เขาทั้งสองจะได้ไปดูทีมรักกันถึงอิสตันบูล
ค่ำคืนนั้น พ่อของวิลล์ ได้เดิมพันกับคนสนิท ตามสิ่งที่วิลล์ได้บอกไว้คือ ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 โดยหลุยส์ การ์เซีย เป็นคนยิงประตูชัย ในอัตรา 11-1
โดยพ่อวิลล์วางเงินไป 100 ปอนด์ ซึ่งถ้าถูกจะได้กลับมา 1,100 ปอนด์!
วันต่อมา วิลล์นั่งรอพ่อที่โรงเรียน ผ่านไปหลายชั่วโมงพ่อก็ยังไม่มาหาตามที่สัญญาไว้
วิลล์เริ่มเอะใจ เมื่อเห็นเพื่อนของพ่อมาคุยกับซิสเตอร์ ซึ่งสุดท้ายวิลล์ก็ได้รับรู้ว่า พ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
วิลล์ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ชีวิตเขาตอนนี้แทบไม่เหลือใครแล้ว
ค่ำคืน 3 พฤษภาคม 2005 ซึ่งเป็นเกมนัดสอง ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี
เด็กในโรงเรียนต่างจดจ่อกับเสียงบรรยายเกมจากเครื่องวิทยุ
จบเกมการแข่งขัน ลิเวอร์พูลเอาชนะเชลซี 1-0 ด้วยประตูชัยของหลุยส์ การ์เซีย
นี่มันเป็นสิ่งที่วิลล์เคยบอกกับพ่อไว้เป๊ะๆ
แต่วิลล์กลับไม่มีอารมณ์ร่วม เพราะยังเศร้ากับการเสียพ่อไป
เพื่อนของวิลล์รู้ว่าวิลล์ มีตั๋วเกมนัดชิงฯนี้ และพยายามปลุกเร้าให้วิลล์ออกไปทำตามความฝันให้ได้
แต่ปัญหาคือ วิลล์ยังเด็กเกินไปที่จะไปดูที่ต่างแดนคนเดียว อีกทั้งตั๋วสองใบนั้น ซิสเตอร์ก็เก็บไว้ไม่ให้วิลล์เป็นคนถือ
วิลล์ได้เพื่อนๆ ช่วยกันชิงตั๋วจากซิสเตอร์ และวางแผนหนีจากโรงเรียนเพื่อเดินทางไปตุรกี
วิลล์ได้ตั๋วมาสำเร็จ เขาพร้อมที่จะไปอิสตันบูลแล้ว แต่ปัญหาคือเงิน เขาจะหาเงินจากไหนล่ะ?
ครับ.. ก็เงินที่พ่อของวิลล์ พนันไว้นั่นแหล่ะ มันมีมูลค่าถึง 1,100 ปอนด์ พอที่จะเดินทางไปที่นั่นได้สบายๆ
วิลล์เข้าไปหาเพื่อนพ่อที่ผับแห่งหนึ่งเพื่อเจรจาขอเงินที่เป็นส่วนของพ่อตัวเอง
วิลล์อธิบายไปว่าต้องการเงินนั้นไปทำอะไร แต่เพื่อนพ่อกลับไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายวิลล์ก็ได้เงินนั้นไปสำเร็จ
การผจญภัยสู่ตุรกีของวิลล์ เริ่มจากท่าเรือแห่งหนึ่ง โดยเขาแอบขึ้นรถขนส่งที่มีจุดหมายจากลอนดอนไปยังปารีส
ทันทีที่ถึงเมืองหลวงแห่งฝรั่งเศส วิลล์ก็ได้รู้จักกับอเล็ค อดีตนักฟุตบอลชาวบอสเนียที่ผันตัวมาเป็นคนขับรถส่งของที่นี่
วิลล์ขอให้อเล็ค พาไปยังวิหารน็อทร์-ดาม ซึ่งเป็นที่ที่พ่อและแม่เคยพาวิลล์มาตอนเล็กๆ
โดยวิลล์ต้องโกหกอเล็คว่าเขาจะไปหาพ่อที่นี่
พอถึงวิหารน็อทร์-ดาม วิลล์และอเล็ค แยกจากกันตรงนี้
วิลล์เดินคนเดียวบนถนนที่ปารีส และถูกหมายตาจากแก๊งหัวขโมยที่เห็นว่าวิลล์มีเงินเป็นฟ่อนๆในกระเป๋าสตางค์
สุดท้ายสองหัวขโมยฉกกระเป๋าสตางค์ของวิลล์สำเร็จ โจรใจบาปหยิบแต่เงินออกไป ทิ้งไว้แต่กระเป๋าสตางค์ที่มีรูปสามคนพ่อแม่ลูกลงในแม่น้ำ
วิลล์โดดเดี่ยวไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่โชคดีที่ได้เด็กวัยรุ่นผิวสีที่บังเอิญเห็นว่า วิลล์ลงจากรถของอเล็ค จึงได้พาวิลล์ไปหาอเล็คที่บ้าน
อเล็คไม่คิดว่าจะได้เจอกับวิลล์อีก โดยบ้านหลังนี้มีเขาและเพื่อนต่างวัยอีกคนพักอยู่ด้วยกัน
บทสนทนาค่ำคืนแรกที่ปารีส ของทั้งสามคน มีแต่เรื่องฟุตบอล อเล็คเผยความลับแก่วิลล์ว่าในอดีตเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อนแต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมถึงเลิกเล่น
เพื่อนของอเล็คหยิบกรอบรูปที่เป็นรูปของซีเนดีน ซีดาน มาให้วิลล์ดู และแน่นอน วิลล์ก็รู้จักดี
อเล็คบอกกับวิลล์ว่า ชื่อแรกของซีดาน(ซีเนดีน) เนี่ยมันแปลว่า"ศรัทธาที่งดงาม"
เช้าวันต่อมา เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงเกมชิงชนะเลิศ
วิลล์ หยิบตั๋วนัดชิงสองใบขึ้นมา และจะให้ตั๋วอีกใบแก่อเล็ค
อย่างไรก็ดี อเล็ค สังหรณ์ใจว่า พ่อของวิลล์ล่ะไปไหน ทำไมไม่ไปดูกับพ่อ
อเล็คเค้นคำตอบจากวิลล์ จนได้รู้ว่า พ่อของวิลล์เสียชีวิตไปแล้ว
อเล็คตั้งใจจะพาวิลล์ไปดูนัดชิงฯที่อิสตันบูล แต่เขาก็สงสัยว่าตั๋วสองใบนั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ เลยไปหาเทียบกับใบที่เป็นของจริง
ปรากฎว่า ตั๋วสองใบของวิลล์นั้น เป็นของปลอม วิลล์เสียใจมาก วิลล์คิดว่าทุกอย่างรอบตัวเขาจอมปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะตั๋ว พ่อ หรือแม้แต่ซิสเตอร์
อเล็คกลับไปบ้านเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนของอเล็คยื่นเงิน 9,000 ยูโรให้ แล้วบอกว่าให้ไปดูนัดชิงฯกับวิลล์
อเล็คปฏิเสธ และเลือกโทรไปหาซิสเตอร์บอกว่า วิลล์อยู่กับเขาที่ฝรั่งเศส
ข่าวของวิลล์ที่หนีออกจากโรงเรียนเพื่อไปดูบอลนัดชิงฯที่ตุรกีโด่งดังไปทั่วยุโรป ตามหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ มีแต่รูปของเขา
ก่อนที่อเล็คจะพาวิลล์ไปส่งให้แก่ซิสเตอร์ วิลล์ได้วาดรูปเพื่อนใหม่คนนี้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิด โดยในรูปเป็นภาพที่อเล็คใส่เสื้อลิเวอร์พูล
และทันทีที่อเล็คเห็นรูปใบนั้น เขาเปลี่ยนใจที่จะส่งวิลล์กลับ และเลือกที่จะบึ่งรถไปยังอิสตันบูล
อเล็คและวิลล์ ได้เงิน 9,000 ยูโร จากเพื่อนที่แสนดีของอเล็ค
อเล็คขับ วิลล์นั่งข้าง ทั้งสองมุ่งหน้าไปสู่ตุรกี
ระหว่างทาง บรรยากาศคือเราได้เห็นคือ รถแห่ที่ขนแฟนๆลิเวอร์พูลไปตามถนนตลอดเส้นทาง
ช่วงพักข้างทางที่เป็นเหมือนจุดรวมตัวของเดอะ ค็อป วิลล์ได้โชว์ความรู้ที่ตัวเองมีประจักษ์ต่อแฟนหงส์คนอื่นๆ จนได้รับการยอมรับว่า ไอ้หนูนี่มันเจ๋งจริงๆ
ทว่า ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นจากเดอะ ค็อป กลับปกคลุมด้วยหมอกควันเมื่ออเล็ค ขอแวะเข้าบอสเนีย บ้านเกิดของเขา
ซึ่งมันก็กระตุกต่อมความหลังจนอเล็คร่ำไห้ออกมา
ความจริงที่ซ่อนอยู่ใต้จิตใจของอเล็คคือในอดีต เขาเคยเป็นนักบอลที่โด่งดังมาก และตอนที่กลับมาบ้านเกิด เขาก็ทยอยแจกลูกฟุตบอลให้แก่เด็กๆ
แต่มีเด็กรายหนึ่งที่ได้ลูกบอลไปนั้น เดินหลงเข้าไปเขตที่มีกับดักระเบิดเพื่อไปเก็บลูกฟุตบอลที่อเล็คมอบให้
ภาพติดตาของอเล็คคือ เด็กคนนั้นเหยียบกับระเบิดต่อหน้าต่อตา จนฝังใจเขาเรื่อยมา
ก่อนที่จะออกเดินทางต่อ อเล็ค มอบเสื้อลิเวอร์พูลของตัวเอง มันเป็นตัวเดียวกับที่วิลล์วาดให้เขา
เสื้อตัวนั้น อเล็คได้มาจากที่ครั้งหนึ่งเคยไปทดสอบฝีเท้ากับลิเวอร์พูล ซึ่งทางสโมสรก็ได้ส่งเสื้อตัวนี้มาเป็นที่ระลึก
และบัดนี้เสื้อตัวนั้นก็ตกเป็นของวิลล์เรียบร้อย
อเล็คและวิลล์ เดินทางไปต่อ และเหลือระยะทางอีกไม่กี่ไมล์ก็จะถึงอิสตันบูล
ทั้งคู่มาถึงหน้าสนามอตาเติร์ก บรรยากาศคับคั่งด้วยผู้คนในชุดสีแดงเพลิง ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ
สิ่งแรกที่วิลล์และอเล็คต้องทำคือ หาตั๋วเข้าชมให้ได้ และมันก็ชัวร์อยู่แล้วว่า ตั๋วหน้าสนามมันจะถูกโก่งขึ้นไปหลายเท่าตัว
การต่อรองรอบแรก คนขายตั้งราคาไว้ 12,000 ยูโร วิลล์ต่อลงเหลือ 9,000 ยูโร เป็นเพราะเขามีเงินเท่านี้
แต่คนขายไม่เล่นด้วย ปฏิเสธไร้เยื่อใย
ทันใดนั้น แฟนบอลหงส์แดงที่วิลล์และอเล็คเจอตอนแวะจุดพักรถ ได้เข้ามาช่วยเพื่อให้เพื่อนใหม่สองรายนี้ได้เข้าไปชมเกม
อเล็ค ต่อครั้งสุดท้ายที่ 10,000 ยูโร คนขายจึงยอม ทว่าอเล็คมีแค่9,000 ยูโร แล้วอีกที่เหลือล่ะจะหาจากไหน?
ในฉากแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันดีของเหล่าเดอะ ค็อป ที่ช่วยกันเรี่ยไรเงินจนได้ครบ 10,000 ยูโร
อย่างไรก็ดี ตั๋วราคา 10,000 ยูโรนั้นกลับมีแค่ใบเดียว ไม่ใช่มีสองใบตามที่อเล็คคิดไว้
อเล็คตัดสินใจให้ตั๋วใบนั้นแก่วิลล์ โดยตัวเขาบอกว่าจะรอวิลล์ที่หน้าสนาม
แต่วิลล์ก็ยืนยันว่าเขาจะไม่เข้าไปหากไม่มีอเล็คเข้าไปด้วย
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน มีเสียงทุ้มๆจากชายสูงอายุออกมาจากรั้วด้านในก่อนถึงสนาม
ครับ เรื่องของวิลล์ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก และมันก็ไปถึงหูของเขา ซึ่งชายคนนี้ก็มั่นใจว่าเด็กน้อยที่เขาเจอใช้วิลล์แน่นอน
"วิลล์ นั่นเธอใช่ไหม"
วิลล์หันมามองด้วยความอึ้งเพราะเขารู้ว่านี่คือเคนนี่ ดัลกลิช ตำนานของลิเวอร์พูลและเป็นนักเตะคนโปรดของพ่อตัวเอง
คิง เคนนี่ถามวิลล์ว่าเกิดอะไรขึ้น วิลล์ก็เล่าไปว่าเขามาได้แค่นี้เพราะมีตั๋วแค่ใบเดียวแต่มากันสองคน
ดัลกลิช ถอดป้ายไอดีการ์ดของตัวเองแล้วยื่นให้วิลล์ และบอกว่ารีบเข้าไปนะ เขาจะรอข้างใน
วิลล์ตื่นเต้นมาก พูดถึงเรื่องที่พ่อเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับดัลกลิชให้เจ้าตัวฟังไม่หยุด
ดัลกลิชเดินกอดคอวิลล์เข้าในถึงตัวสนาม และพามาถึงหน้าอุโมงค์ที่นักเตะทั้งสองทีมกำลังจะลงแข่ง
ดัลกลิชถามวิลล์ว่าอยากเดินไปพร้อมกับพวกนักบอลมั้ย
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆสำหรับเด็กวัย 10 ขวบ
วิลล์ ค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆ แหงนมองหน้าผู้เล่นลิเวอร์พูลทีละคนทีละคน
จนมาถึงเจมี่ คาร์ราเกอร์...
รองกัปตันลิเวอร์พูลหันมา แล้วพูดว่าให้วิลล์ไปยืนหัวแถวกับเจอร์ราร์ด
"ขอบคุณครับ มร.คาร์ราเกอร์" วิลล์ตอบกลับ
วิลล์เดินไปถึงหัวแถวซึ่งเป็นตำแหน่งที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยืนอยู่
"ชั้นดีใจที่เธอมาได้นะเจ้าหนู มาสิ เดินนำพวกเราไปเลย"กัปตันหงส์แดง กล่าวยืนยันหนักแน่นกับวิลล์
วิลล์เดินไปข้างหน้า พร้อมธีมเสียงเพลงประจำสโมสรลิเวอร์พูล ชวนให้ขนลุก
ภาพปรากฎพ่อของวิลล์ พร้อมกับหันหลังมาเอ่ยกับลูกชายว่า"ได้ยินไหม พวกเขารอลูกอยู่"
เสียงดนตรียังคงบรรเลงไป ขนาบด้วยเสียงจากแฟนบอล "วิลล์ วิลล์ วิลล์"
หนุ่มน้อยวัย 10 ขวบ วิ่งไปถึงกลางสนาม แล้วเสียงดนตรีก็หยุดลง
เนื้อเพลงท่อน "You'll never walk alone" เข้ามาแทนดังสนั่น
ขณะที่อเล็ค ก็ยืนมองวิลล์ด้วยรอยยิ้ม และคงภูมิใจไม่น้อยที่เห็นวิลล์ทำตามฝันได้สำเร็จ
โพสต์โดย : original เมื่อ 5 มิ.ย. 2562 21:01:56 น. อ่าน 152 ตอบ 0