เจมส์ ตกเป็นข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มองว่าเขาอาจจะสร้างความดุดันให้เกมรุกของทีมได้ โดยเชื่อกันว่าค่าตัวในการย้ายทีมของเขาจะอยู่ที่รวมแล้ว 18 ล้านปอนด์ (ประมาณ 738 ล้านบาท) แบ่งเป็นจ่ายสดทันที 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 615 ล้านบาท) ส่วนอีก 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 123 ล้านบาท) แมนฯ ยูไนเต็ด จะควักให้ถ้าเกิด เจมส์ ทำผลงานได้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้
ทั้งนี้ การที่ เจมส์ จะยึดตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้หรือไม่ก็คงต้องดูกันอีกที ซึ่งถ้าพิจารณาผลงานของเขาในซีซั่น 2018-19 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปนั้น เจมส์ ก็อาจจะพอมีลุ้นติดทีมชุดใหญ่ได้เหมือนกัน และวันนี้เราก็จะมาย้อนถึงผลงานคร่าวๆ ของแข้งวัย 21 ปีในซีซั่นล่าสุดกัน โดยที่เราจะเอาสถิติของเขาจาก สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำของอังกฤษมาพูดถึงด้วย
- การผ่านบอล
หนึ่งในความสำคัญของนักเตะตำแหน่งปีกคือการสร้างโอกาสทำประตูให้เพื่อนๆ ซึ่งในการลงเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นล่าสุด เจมส์ สามารถทำแอสซิสต์ในลีกได้ 7 ครั้ง โดยเขาถือเป็นนักเตะ สวอนซี ที่ทำแอสซิสต์ในลีกได้สูงที่สุดในฤดูกาล 2018-19 เช่นกัน
ทั้งนี้ ถ้านับเป็นค่าเฉลี่ยต่อ 90 นาทีแล้วนั้น เจมส์ สามารถทำแอสซิสต์ในลีกได้ 0.25 ครั้งต่อ 90 นาที ซึ่งเขาก็เป็นกองกลางอันดับ 10 ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่มีค่าเฉลี่ยการแอสซิสต์ในจังหวะโอเพ่นเพลย์มากที่สุด
- ความแม่นยำในการยิง
ในฤดูกาลล่าสุด เจมส์ ทำประตูในลีกได้ 4 ลูก จากการยิงทั้งหมด 87 ครั้ง โดยถ้าคิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วนั้น เขามีจังหวะการพยายามทำประตู 3.12 ครั้งต่อ 90 นาที ทำให้เขาเป็นกองกลางใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่มีค่าเฉลี่ยการยิงต่อ 90 นาทีสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของลีก ซึ่งการทำประตูได้ในระดับนี้ถือว่าน่าประทับใจพอตัว เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเขาเพิ่งได้ลงเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นซีซั่นแรก
อย่างไรก็ตาม "จำนวนครั้งการยิง" มันไม่สำคัญเท่า "ความแม่นยำในการยิง" ซึ่งในซีซั่น 2018-19 ดาวเตะทีมชาติเวลส์มีค่าเฉลี่ยการยิงตรงกรอบอยู่ที่ 1.07 ครั้งต่อ 90 นาที โดยถ้านับเฉพาะนักเตะในตำแหน่งกองกลางด้วยกัน เขาก็เป็นอันดับ 6 ของศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
- สร้างความอันตรายในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง
นักเตะในตำแหน่งปีกมักจะได้เข้าไปรอสร้างความปั่นป่วนในกรอบเขตโทษของคู่แข่งได้อยู่บ่อยๆ เจมส์ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ความเร็วของเขาทำให้เขาทะลวงแนวรับของคู่แข่งจนเข้าไปรอบอลจากเพื่อนร่วมทีมในกรอบเขตโทษได้หลายครั้ง จนค่าเฉลี่ยด้านดังกล่าวอยู่ที่ 5.35 หนต่อ 90 นาที จากค่าเฉลี่ยที่ว่าทำให้ เจมส์ เป็นกองกลางที่ได้จับบอลภายในกรอบเขตโทษของคู่แข่งสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่นล่าสุดด้วย
- ฟันเฟืองสำคัญในจังหวะฟาสต์เบรค
ความเร็วคือคุณสมบัติที่ว่ากันว่าเป็นจุดเด่นมากที่สุดของ เจมส์ โดยในเกม เอฟเอ คัพ ที่ สวอนซี เจอกับ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น มันมีจังหวะหนึ่งที่เขาวิ่งได้เร็วถึง 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลย ซึ่งนั่นเกือบจะเท่ากับที่ อาร์เยน ร็อบเบน เคยสร้างสถิติโลกการวิ่งเร็วที่สุดในการเล่น 1 จังหวะด้วย โดยที่ ร็อบเบน เคยวิ่งได้ถึง 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อช่วงปี 2014
จากการที่เขามีความเร็วสูงแบบนั้น ทำให้ เจมส์ นับเป็นกองกลางที่มีส่วนร่วมกับการเล่น "ฟาสต์เบรค" สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ประจำฤดูกาลที่ผ่านมาเลยทีเดียว ด้วยค่าเฉลี่ย 0.25 ครั้งต่อ 90 นาที
สำหรับ "ฟาสต์เบรค" นั้น อาจจะเป็นศัพท์ที่แฟนฟุตบอลบางคนสับสน และบอกว่าเคยได้ยินเฉพาะในบาสเกตบอล โดยในเกมฟุตบอล "ฟาสต์เบรค" จะใช้สื่อถึงจังหวะที่คล้ายๆ กับการเล่นเกมสวนกลับเร็ว แต่กรณีของ "ฟาสต์เบรค" จะใช้นักเตะในการเล่นเกมรุกเพียงแค่ 2-3 คนเท่านั้น
ถ้าเกิด เจมส์ สามารถรักษามาตรฐาน และยกระดับการเล่นของเขาได้แล้วล่ะก็ เขาก็อาจจะได้ตำแหน่งตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาครองเร็วกว่าที่คิดก็ได้
โพสต์โดย : original เมื่อ 7 มิ.ย. 2562 21:41:11 น. อ่าน 146 ตอบ 0