แน่นอนว่าข่าวลือพวกนั้นกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ก่อนที่มันจะจบลงโดยที่ไม่มีใครในกลุ่มนั้นย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล จริงๆ แม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี หรือมีข่าวลือที่สุดท้ายไม่เป็นความจริงออกมากี่ครั้ง แต่สุดท้ายแล้วข่าวลือเรื่องการย้ายทีมก็เป็นสิ่งที่น่าใจอยู่เสมอ
นั่นรวมถึงปี 2019 ที่ ลิเวอร์พูล มีข่าวกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ด้วย โดยแข้งวัย 20 ปีจุดประเด็นเรื่องย้ายทีมขึ้นมาเอง ด้วยการบอกในงานประกาศผลประจำฤดูกาลของ ลีก เอิง ว่าเขาไม่ปิดโอกาสที่จะไปเจอโปรเจกต์ใหม่ๆ กับที่อื่น ซึ่งหลังจากนั้นกลุ่มเจ้าของ "เปแอสเช" รีบออกมาสยบข่าวลือโอกาสการย้ายทีมของ เอ็มบั๊ปเป้ อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น เอ็มบั๊ปเป้ ดันโหมกระแสนี้ไปกับเขาด้วย หลังจากที่เขากดติดตาม อินสตาแกรม ของนักเตะทั้งชุดปัจจุบันและในอดีตของ ลิเวอร์พูล หลายคน, บอกว่าเวลาเล่นเกม ฟีฟ่า 19 เขาเลือกที่จะเล่น ลิเวอร์พูล และยอมรับตามตรงว่าชอบ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ข่าวลือถูกพูดถึงกันอย่างสนุกสนานนั้น คำถามคือถ้ามองในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ลิเวอร์พูล มีเงินมากพอที่จะซื้อเขาในช่วงซัมเมอร์นี้รึเปล่า และถ้าเกิดการย้ายทีมขึ้นมาจริงๆ ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้แล้ว มันจะส่งผลกับการเงินของ ลิเวอร์พูล มากแค่ไหน ?
ประเด็นค่าตัว
ถ้าลองเทียบกับเรื่องที่ว่า "เปแอสเช" จ่ายเงินไปเกือบ 200 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,200 ล้านบาท) ในการดึง เนย์มาร์ ที่อายุเยอะว่า เอ็มบั๊ปเป้ ในระดับหนึ่งไปร่วมทัพ มันหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะต้องเสียเงินมากกว่านั้นเยอะเพื่อที่จะได้ตัวดาวเตะชาวฝรั่งเศสไปครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่า เอ็มบั๊ปเป้ ยังเหลือสัญญากับ ปารีสฯ อีกถึง 4 ปี
ทั้งนี้ เมื่อทีมไหนก็ตามทำการซื้อนักเตะ พวกเขาจะมีอ็อปชั่นที่จะแบ่งจ่ายค่าตัวไปตลอดระยะเวลาของสัญญาที่ทำกับแข้งเหล่านั้น หรือที่เรียกกันว่า "การผ่อนจ่าย" เพราะการซื้อนักเตะสักคนมันไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะมีประโยชน์กับทีมแค่เฉพาะตอนเซ็นสัญญากัน แต่จะมีประโยชน์กับทีมไปอีกหลายปี
สมมุติว่าค่าตัวของ เอ็มบั๊ปเป้ อยู่ที่ 250 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,250 ล้านบาท) จนทำให้แข้งวัย 20 ปี เป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก พร้อมกับมีการเซ็นสัญญากัน 5 ปี ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทีเดียว 250 ล้านปอนด์ แต่จะแบ่งจ่ายปีละ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,050 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 5 ปีก็ได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังเงินของพวกเขาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก ลิเวอร์พูล เลือกใช้วิธีนั้น มันจะทำให้ในฤดูกาล 2019-20 พวกเขาต้องเสียเงินในด้านค่าการผ่อนจ่ายไปกับนักเตะเพียงคนเดียวถึง 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเดิมทีในซีซั่น 2018-19 ลิเวอร์พูลต้องเสียเงินกับค่าผ่อนจ่ายบานเบอะอยู่แล้ว หลังจากที่ในช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน พวกเขาดึงนักเตะอย่าง นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ เซอร์ดาน ชากิรี่ มาร่วมทัพ จนทำให้ค่าผ่อนจ่ายโดยรวมน่าจะเพิ่มขึ้นจากซีซั่น 2017-18 อย่างน้อย 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,640 ล้านบาท)
ที่จริงก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล มีภาระค่าใช้จ่ายด้านนี้น้อยมาก อย่างในฤดูกาล 2017-18 พวกเขาเสียค่าผ่อนจ่ายจากนักเตะทุกคนรวมกันเพียง 77.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,161.1 ล้านบาท) โดยเงินจำนวนดังกล่าวถือว่าหักจากรายได้โดยรวมของพวกเขาไปเพียงราว 17 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในซีซั่น 2016-17 ค่าผ่อนจ่ายของพวกเขาอยู่ที่เพียง 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรายได้โดยรวมของทีม
ถึงกระนั้น การขายนักเตะออกไป รวมถึงรายได้จากด้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ ลิเวอร์พูล ได้ดีเช่นกัน
ประเด็นค่าเหนื่อย
แน่นอนว่านักเตะระดับ เอ็มบั๊ปเป้ ไม่มีทางยอมลดค่าเหนื่อยลงมาต่อให้เขาจะชื่นชอบ ลิเวอร์พูล มากแค่ไหนก็ตาม โดยตอนนี้เขารับค่าเหนื่อยกับ ปารีสฯ อยู่ที่สัปดาห์ละ 350,000 ยูโร (ประมาณ 12.60 ล้านบาท) ดังนั้นถ้าลองคาดเดาดูแล้วล่ะก็ ค่าเหนื่อยที่น่าจะทำให้ เอ็มบั๊ปเป้ ยอมซบ ลิเวอร์พูล อาจจะขยับถึง 400,000 ปอนด์ (ประมาณ 16.40 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ หรือถ้าคิดเป็นต่อฤดูกาลอยู่ที่ 21 ล้านปอนด์ (ประมาณ 861 ล้านบาท) ต่อปี
ตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องแบกรับภาระค่าเหนื่อยโดยรวมต่อปีเยอะมาก โดยที่จริงแค่ฤดูกาล 2017-18 ค่าเหนื่อยโดยรวมของพวกเขาอยู่ที่ 264 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,824 ล้านบาท) คิดเป็นราว 58 เปอร์เซ็นต์ของผลประกอบการในซีซั่นนั้น และถ้าย้อนไป 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น ค่าเหนื่อยโดยรวมของ ลิเวอร์พูล คิดเป็น 57 เปอร์เซ็นต์ของผลประกอบการของพวกเขา
ทั้งนี้ ปัจจุบันนักเตะที่รับค่าเหนื่อยกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุดคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ฟันไป 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 8.2 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ อีกหนึ่งกำลังหลักในแนวรุกของทีม รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 90,000 ปอนด์ (ประมาณ 3.69 ล้านบาท)
สรุป
ถ้านับรวมทั้งการผ่อนจ่ายค่าตัว และค่าเหนื่อย มันหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึงปีละ 71 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,911 ล้านบาท) เพียงเพื่อแลกกับการได้ เอ็มบั๊ปเป้ มาร่วมทัพ ซึ่งนั่นเป็นตัวเลขที่สูงมาก ต่อให้ ลิเวอร์พูล กำลังจะฟันรายได้จากซีซั่นล่าสุดเป็นเงินเกือบ 500 ล้านปอนด์ (ประมาณ 20,500 ล้านบาท) ก็ตาม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ใช้โมเดลการบริหารทีมที่ยอดเยี่ยมจนทำให้พวกเขายังใช้เงินตามงบประมาณที่กำหนดเอาไว้ได้ดีในระดับหนึ่ง การที่ทั้งค่าผ่อนจ่ายและค่าเหนื่อยโดยรวมระหว่างฤดูกาล 2016-17 กับ 2017-18 มันเพิ่มขึ้นเพียงอย่างละ 1 เปอร์เซ็นต์ คือสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี
จริงอยู่ว่า ลิเวอร์พูล มีเงินมากพอที่จะทั้งแบ่งจ่ายค่าตัวของ เอ็มบั๊ปเป้ และมอบค่าเหนื่อยก้อนโตให้เขา โดยพวกเขาเตรียมที่จะได้เงิน 250 ล้านปอนด์จากทั้ง พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากผลงานในฤดูกาล 2018-19 อยู่แล้ว แถมยังมีรายได้จากด้านสปอนเซอร์รออยู่อีก
อย่างไรก็ตาม มันดูมีโอกาสน้อยมากที่ ลิเวอร์พูล จะยอมแหกโครงสร้างการเงินที่ตั้งเอาไว้เพียงเพื่อนักเตะแค่คนเดียว โดยการทุ่มเงินมากขนาดนั้นเพื่อเขามันอาจจะส่งผลให้นักเตะคนอื่นๆ เรียกร้องเงินเพิ่มด้วย และถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว เอ็มบั๊ปเป้ ก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องรีบช็อปในช่วงซัมเมอร์นี้แต่อย่างใด
โพสต์โดย : eieieieieiei เมื่อ 22 มิ.ย. 2562 05:46:26 น. อ่าน 141 ตอบ 0