ชายผู้เดินเข้ามา
และก้าวออกจาก "สิงห์ เชียงรายฯ" อย่างสง่างาม ... by "บก.เก้น"
สมัยที่ผมยังเป็นเด็กๆ ด้วยความที่ฟุตบอลบ้านเรายังไม่ได้มีความเป็นมืออาชีพเทียบเท่าปัจจุบัน ความสนใจของเด็กชายนิติพงษ์ ณ ยุคสมัยนั้นจึงพุ่งไปที่ฟุตบอลต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไฮโลออนไลน์ Fun88
สตาร์ซอคเกอร์รายวัน
และรายสัปดาห์เล่มแล้วเล่มเล่า ไกด์บุ๊คลูกหนังทุกลีกทั่วยุโรปทุกซีซั่น
ล้วนแต่หล่อหลอมให้ผมได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของบุคคลที่สื่อบ้านเราเรียกว่า
“กุนซือ” หรือ “ขงเบ้งลูกหนัง” จะด้วยคำว่าอะไรก็แล้วแต่
สุดท้ายผมได้เรียนรู้แนวคิด และความสำเร็จของบุคคลเหล่านี้จนหลายๆ
คนถูกยกจากแฟนบอลให้อยู่ในระนาบเดียวกับเทพเจ้า ไล่มาตั้งแต่ บิลล์ แชงก์ลีย์,
บ็อบ
เพสลีย์, “คิง
เคนนี่” เคนนี่ ดัลกลิช มาจนถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เรียกได้ว่าสุดยอดกุนซือในดวงใจผมส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่บนผืนแผ่นดินเกาะอังกฤษ
แต่ด้วยความยิ่งใหญ่
สไตล์การเล่นที่ดูสวยงาม และมีชั้นเชิงแบบ “บราซิเลี่ยน” จริงๆ
(ไม่เหมือนแซมบ้าที่เขาว่ากลายพันธ์ุเป็นลูกครึ่งยุโรปสมัยนี้) บวกกับในยุคนั้น
(หลังปี 1994) บราซิล ยังคงเป็นทีมที่ถูกยกให้เป็นมหาอำนาจลูกหนังจริงๆ
จึงทำให้ผมค่อยๆ หันมาให้ความสนใจเฮดโค้ชสายพันธุ์แซมบ้าที่ผมเองเชื่อว่าน่าจะมีดีไม่น้อยไปกว่านักเตะที่เปรียบเสมือนสินค้าส่งออกดีเด่นไม่ด้อยไปกว่าเมล็ดกาแฟ
วันเวลาผ่านไป
เด็กชายนิติพงษ์ จากเชียงใหม่ ได้ร่ำเรียนจนก้าวเข้ามาสู่วงการสื่อกีฬา
(พร้อมกับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ฮา) แน่นอน ฟุตบอล
ยังเป็นกีฬาเบอร์หนึ่งในใจผมไม่เปลี่ยน
ความเป็นมืออาชีพที่มากขึ้นของวงการลูกหนังบ้านเรา
จึงทำให้ผมมิอาจละทิ้งความสนใจฟุตบอลไทยไปได้ และสิ่งที่ผมเริ่มเห็นมากขึ้นๆ
เรื่อยๆ นั่นคือ สโมสรฟุตบอลในไทยส่วนใหญ่มักเรียกใช้บริการทั้งนักเตะ
และกุนซือจากประเทศบราซิล เพราะด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งลักษณะนิสัย
ความสนุกสนาม สภาพอากาศ ความคลั่งไคล้ และความเข้าใจในศาสตร์ฟุตบอล
บวกกับเครดิตการเป็นชาติที่ได้รับการยกย่องว่ารู้จักฟุตบอลได้ดีกว่าใครในโลก
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมหลายๆ ทีมทั้งในไทย และเอเชีย ถึงยอมรับ บราซิล
มากกว่าชาติอื่นๆ
โชเซ่
อัลเวส “บอร์จีส” (ยาสูบ), รอยเตอร์ โมไรร่า (ศรีสะเกษ เอฟซี), สเตฟาโน่ คูกูร่า “เตโก้” (เชียงรายฯ),
มาโน่
โพลกิ้ง (ทรู แบงค็อกฯ) จนกระทั่งการก้าวเข้ามาของ อเล็กซานเดร กาม่า …
ผลงาน
8
โทรฟี่แชมป์กับทีมที่ดีที่สุดในประเทศ และรอคอยความสำเร็จไม่ได้อย่าง บุรีรัมย์
ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาแค่ 3 ปี ถือเป็น “ปรากฎการณ์”
ที่เขย่าวงการลูกหนังบ้านเราให้หันมามองว่า มันสมองของ กาม่า มันเด็ดดวงแค่ไหน
จนหลายคนต้องยอมลงทุนเสาะหาข้อมูลว่า เขาเป็นใคร มาจากไหน ใยถึงเด็ดดวงเพียงนี้
แชมป์ไทยลีก
2
สมัย (2014, 2015)
แชมป์เอฟเอ
คัพ 1
ครั้ง (2015)
แชมป์ลีกคัพ
1 หน
(2015)
แชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท
ก. 2
สมัย (2015, 2016)
โตโยต้า
พรีเมียร์ คัพ 1 ครั้ง (2016) และแม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ อีก 1 สมัย (2015)
นี่คือทำเนียบความสำเร็จที่
กาม่า ได้เนรมิตให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งต้องยอมรับว่า
เจ้าตัวนี่แหละคือคีย์แมนคนสำคัญที่ปลูกฝังดีเอ็นเอความเป็นผู้ชนะ
และทีมที่กระหายความสำเร็จให้กับ บุรีรัมย์
จนทีมสามารถต่อยอดความยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
แต่ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นกุนซือที่ไม่ได้พูดพร่ำเพื่อ
และอาศัยผลงานในสนามคอยตอบกับสื่อมากกว่าปาก
จึงทำให้เฮดโค้ชบราซิเลี่ยนรายนี้ไม่ได้ถูกยกย่องถึงความสามารถเท่าที่ควร
จนกระทั่งชีพจรลงเท้าพา กาม่า ไปยังดินแดนสามเหลี่ยมทองคำเหนือสุดแดนสยาม ณ สิงห์
เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เปิดประตูต้อนรับการก้าวเข้ามาของชายวัย 50 ปีรายนี้อย่างยิ่งใหญ่
แน่นอน
หลายคนทั้งคนที่ทำงานในวงการสื่อกีฬา หรือแม้แต่แฟนบอลเชียงรายเองก็คงมีคำถามว่า
ลำพังแค่ความสามารถของชายใจดีคนนี้ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง หรือพลิกโฉม สิงห์
เชียงรายฯ ให้เข้าใกล้ถ้วยแชมป์มากขึ้นได้อย่างไร เพราะต้องยอมรับตรงๆ
ว่าคุณภาพทีมของ “กว่างโซ้งมหาภัย”
นั้นไม่ได้เทียบเท่ากับอดีตทีมเก่าที่มีพร้อมทุกอย่าง อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แต่
“เพชร” อยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็น “เพชร” อยู่วันยังค่ำ อเล็กซานเดร กาม่า
ไม่รีรอที่จะมอบความไว้วางใจให้กับคนรอบกาย
ด้วยการอิมพอร์ตทีมงานคู่บารมีมาทำงานด้วยกันที่ เชียงราย พร้อมกับให้เหตุผลว่า
ทีมงานสต๊าฟชุดนี้ได้ร่วมงานกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
และสามารถร่วมกันคว้าแชมป์มาแล้วหลายรายการ
ซึ่งตัวเขาเองหวังว่าความสำเร็จเหล่านั้นจะเกิดขึ้นที่ เชียงราย อีกครั้งแน่นอน
20
ธันวาคม 2559 คือวันที่สื่อระดับแถวหน้าทั่วไทย ต่างพากันประโคมข่าว กาม่า
เปิดตัวกับยอดทีมแดนล้านนา โดยมีการชูผ้าพันคอร่วมกับ “บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช
ประธานสโมสรคนหนุ่มไฟแรง…
โพสต์โดย : rozeapqle เมื่อ 9 ก.ค. 2562 00:33:20 น. อ่าน 140 ตอบ 0