ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ติดอยู่ในการจัดอันดับ 50 ทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ตามการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ สื่อด้านการเงินชื่อดังเป็นครั้งแรก หลังจากพวกเขาได้อันดับที่ 45 ในการจัดอันดับประจำปี 2019
"หงส์แดง" เคยมีมูลค่าน้อยเมื่อเทียบกับทีมกีฬาทีมอื่นๆ ทั่วโลก หลังจากที่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในสนามเท่าไหร่ ส่วนสภาพการเงินของทีมก็ไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) ที่นำโดย จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2010 พวกเขาก็มีการเงินที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และช่วงหลายซีซั่นที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็มีผลงานในสนามที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ทั้งนี้ ในการจัดอันดับประจำปี 2019 ของ ฟอร์บส์ ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ มีมูลค่า 2.18 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 69,760 ล้านบาท) โดยถือว่าสูงขึ้นจากตอนที่ เอฟเอสจี เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมในช่วงแรกๆ เยอะมาก เพราะในการจัดอันดับประจำปี 2011 (ฟอร์บส์ จะจัดอันดับในช่วงกลางปีของทุกๆ ปี) ลิเวอร์พูล มีมูลค่าเพียง 552 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 17,664 ล้านบาท)
นั่นหมายความว่าถ้าเปรียบเทียบระหว่างตั้งแต่ที่ เอฟเอสจี เข้ามาบริหารทีมครั้งแรกจนถึงตอนนี้นั้น ลิเวอร์พูล ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงราว 1.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 52,096 ล้านบาท) ขณะที่ถ้าเทียบกับเฉพาะเมื่อปีก่อน มันก็ถือว่าปีนี้มูลค่าของ ลิเวอร์พูล เพิ่มขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ถ้าเทียบเฉพาะในวงการฟุตบอลแล้วนั้น ลิเวอร์พูล ถือเป็นทีมฟุตบอลอันดับที่ 8 จากทั้งหมด 8 ทีมที่ติดชาร์ต 50 ทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกประจำปี 2019 โดยอีก 7 ทีมคือ เรอัล มาดริด (อันดับ 3), บาร์เซโลน่า (อันดับ 4), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 6), บาเยิร์น มิวนิค (อันดับ 17), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 25), เชลซี (อันดับ 32) และ อาร์เซน่อล (อันดับ 42)
ด้าน บิลลี่ โฮแกน ประธานฝ่ายการตลาดของ ลิเวอร์พูล กล่าวว่าพวกเขาจะพยายามทำงานบริหารให้ดีเพื่อหาเงินเข้ามาสู่ทีมให้ได้เยอะๆ ต่อไป เพื่อที่ทีมจะได้เอาเงินนี้ไปใช้ในการทำงานด้านฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ "เรายินดีที่จะเจอสถานการณ์แบบนี้ (มีเวลาพักน้อย) อยู่เสมอ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่ามันเกิดจากการที่เราคว้าแชมป์มาครองได้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับผลงานในสนามแล้วนั้น มันก็เป็นหน้าที่ของทีมบริหารที่จะต้องสานต่อความสำเร็จดังกล่าวให้ได้ เราต้องพยายามทำให้ทีมมีรายได้เยอะขนาดนี้ต่อไป และมอบเงินกลับไปให้ฝ่ายฟุตบอล เพื่อที่พวกเขาจะได้เอาไปลงทุนกับทีมต่อได้"
"ก่อนหน้านี้สโมสรมีการบริหารที่ผิดพลาดทั้งด้านฟุตบอลและด้านการตลาด ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดอุปสรรคขนาดใหญ่ แต่ก็ถือเป็นโอกาสชั้นยอดด้วย (ที่จะพา ลิเวอร์พูล กลับมามีผลงานที่ดีทั้งในและนอกสนาม) ความสำเร็จที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ นำมาสู่สโมสร รวมถึงผลงานที่ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ด ผู้อำนวยการกีฬาของเราทำได้มันยอดเยี่ยมมากๆ พวกเขาทั้งสองคนเป็นหัวหอกในการพัฒนาและสร้างทีมให้แข็งแกร่งเหมือนในทุกวันนี้ เราทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ แต่มันก็ต้องให้เครดิตอย่างมากกับทั้งสองคนนั้นสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำได้"