รางวัลนี้โดยปกติแล้วจะมอบให้กับนักเตะชาวเยอรมันที่ค้าแข้งทั้งในประเทศเยอรมนีและต่างแดน โดยรอยส์ได้รับเสียงโหวตเอาชนะ ไค ฮาแวร์ทซ์ ดาวรุ่งทีม “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (121 คะแนน) ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมยิง 17 ประตู และโยชัว คิมมิช สตาร์จากบาเยิร์น มิวนิค (35 คะแนน) ที่ทำ 13 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่ผ่านมา
“มันคือรางวัลที่พิเศษ และมันดีจริงๆ ที่มีคนมองเห็นผลงานและความทุ่มเทของผม” รอยส์ กล่าว “แน่ล่ะ ผมจะไม่ได้รับรางวัลนี้เลยหากไม่มีเพื่อนร่วมทีมและทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง ต้องขอขอบคุณพวกเขามากจริงๆ”
แข้งดังของดอร์ทมุนด์รายนี้ผงาดซิวรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อจาก โทนี่ โครส และเป็นนักเตะดอร์ทมุนด์รายที่ 4 ที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้ต่อจากตำนานอย่าง ฮันส์ ทิลคอฟสกี้ (1965) มัทเทียส ซามเมอร์ (1995 และ 1996) และเยือร์เก้น โคห์เลอร์ (1997)
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รอยส์ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ เพราะเขาเคยได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 มาแล้วเมื่อสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับโบรุสเซีย เมินเชนกลัดบัค จึงทำให้รอยส์กลายเป็น 1 ใน 15
นักเตะที่คว้ารางวัลนี้ได้มากกว่าหนึ่งสมัย
รอยส์ ให้สัมภาษณ์กับ Kicker ว่าเขาดีใจกับการได้รางวัลในครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อนเสียอีก “มันรู้สึกดีกว่าครั้งก่อนซะอีก ความรู้สึกเมื่อ 7 ปีก่อนนั้นมันช่างแตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผมต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บในปี 2017 และสามารถกลับมาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีได้ มันทำให้ผมภูมิใจจริงๆ และนี่จะเป็นสิ่งย้ำเตือนถึงฟอร์มการเล่นของผมในช่วง