เราทุกคนต่างรู้ดีว่า ไม่มียางรถเส้นใดที่จะใช้งานได้ตลอดชีวิตเนื่องจากยางมีการสึกซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆครั้งที่ยางหนุน การสึกเกิดขึ้นได้อย่างไร ลองนึกถึงยางลบ ยิ่งคุณลบมันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสึกเร็วเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงกฎของความจริงที่ว่า การไถลกับการถูคือที่มาของการสึกนั่นเอง
ในกรณีของยางรถยนต์ ขณะที่ยางกลิ้งไปบนพื้นถนน ยางต้องต่อสู้กับการไถลและการถู เนื่องมาจากความฝืดจากแรงเสียดทานจองหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นถนน เกิดขึ้นเมื่อบล็อกดอกยางเคลื่อนตัวพ้นบริเวณที่สัมผัสพื้นถนนเนื้อยางจะคลายออกจากน้ำหนักที่กดอยู่ และกลับคืนสู่รูปร่างเดิม เนื่องจากยางมีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้ดี บล็อกดอกยางจะเลื่อนตัวภายในแค่ช่วงเสี้ยววินาทีซึ่งการเสียดสีอันน้อยนิดนี้ก็มากพอที่ทำให้เกิดการสึกได้ แต่ให้สังเกตว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ไม่มีแรงอื่นใดมากระทำ เช่น ยางที่ไม่ได้ติดบนล้อขับเคลื่อน
ในความเป็นจริงแล้ว
ยางรถยนต์ จะต้องรับมือกับแรงกดที่มากขึ้นหลายเท่าตัวในระหว่างเร่งความเร็ว เบรก หรือตอนเข้าโค้งซึ่งจะทำให้การสึกเกิดมากขึ้นตามไปด้วยเมื่อมีแรงกดระหว่างยางกับถนน บล็อกดอกยางจะบิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่บล็อกดอกยางไม่สามารถรับแรงกดได้ด้วยการบิดตัวอีกต่อไปบล็อกดอกยางจะไถลไปบนพื้นนั่นเอง และเมื่อเกิดการไถล บล็อกดอกยางก็จะเกิดการสึกถึงแม้ไถลเพียง 1 มิลลิเมตรนี้จะดูเล็กน้อย แต่มันเกิดขึ้นในทุกๆรอบการหมุนของยาง หรือราว 25 ล้านรอบ เมื่อใช้ยางเส้นนั้นไป 50,000 กิโลเมตร
นอกจากนี้อายุการใช้งานของยางยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการสึกของยาง
- สภาพภูมิอากาศก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยางจะยึดเกาะถนนมากและจะสึกเร็วขึ้นในที่ๆ มีอากาศหนาวเย็นและสภาพถนนแห้ง
- สภาพพื้นผิวถนนมีความสำคัญอย่างมากกับการสึกของยางถนนที่มีความขรุขระมากทำให้ยางสึกมากกว่าถนนที่เรียบ
- ลักษณะต่างๆ เกี่ยวกับรถจะต้องนำมาพิจารณาด้วยเหมือนกัน เช่น กำลังเครื่องยนต์ น้ำหนักรถ และ อื่นๆ
- การตั้งศูนย์ล้อ ก็ส่งผลกระทบอย่างมากด้วย ศูนย์ล้อที่ไม่อยู่ในค่ามาตรฐานทำให้ยางสึกเร็วผิดปกติ
- ยางเส้นเล็กกว่าจะสึกเร็วกว่า เนื่องจากมีรอบการหมุนที่มากกว่ายางเส้นใหญ่เมื่อวิ่งในระยะทางที่เท่ากัน
- ลักษณะการใช้งานก็มีส่วนสำคัญ ถนนที่คดเคี้ยวจะก่อให้เกิดการสึกมากกว่าถนนที่เป็นเส้นตรงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
- พฤติกรรมการขับขี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย อัตราการสึกจะผันแปรค่าจาก 1 ไปจนถึง 10 เมื่อเทียบระหว่างการขับขี่แบบธรรมดากับการขับขี่แบบรุนแรง
- คุณภาพและการดูแลรักษายางเองคือกุญแจสำคัญของอายุการใช้งานการสูบลมที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นต้นเหตุของการสึกเร็วด้วยเช่นกัน