โซดาซ่า ดูบอล
Menu
กรุณากดปุ่ม แชร์ ให้เพื่อนๆได้มาดูด้วย

คาร์โล อันเชล็อตติ คุ้นเคยกับความสำเร็จมาตลอด..

    คาร์โล อันเชล็อตติ คุ้นเคยกับความสำเร็จมาตลอด.. http://slot-888.co/

    ทั้งสมัยที่ยังเป็นนักเตะ โลดแล่นในฐานะมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องของโรม่า เอซี มิลาน และทีมชาติอิตาลีตลอดทศวรรษที่ 80

    ได้แชมป์เซเรีย อาทั้งกับโรม่าและมิลาน กวาดแชมป์โคปปา อิตาเลียอีก 4 สมัยกับทีมแรก ซิวแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัยและสโมสรโลกอีก 1 ครั้งกับทีมหลัง

    อยู่ในทีมอัซซูรี่ชุดอันดับสามฟุตบอลโลก 1990 และถึงวันนี้ยังน่าเสียดายไม่หายที่เขาไม่มีตำแหน่งแชมป์โลกติดตัวเพราะเจ็บหัวเข่าอย่างหนักในฤดูกาล 1981/82 ต้องพักยาวไม่ได้ติดทีมไปลุยฟุตบอลโลกที่สเปนซึ่งอิตาลีของ "ขรัวเฒ่า" เอ็นโซ่ แบร์ซ็อต ไปไกลถึงตำแหน่งแชมป์

    เป็นนักฟุตบอลว่าสุดยอดแล้ว อันเชล็อตติยิ่งฉาบออร่าเปล่งปลั่งในบทบาทโค้ชและผู้จัดการทีม

    ผมยังจำวันที่เขารับงานกับยูเวนตุสช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 1999/2000 ได้ดี เวลานั้นเขายังเป็นโค้ชหนุ่มที่ผันตัวมาจากอดีตนักเตะ รู้ว่าทำผลงานได้ไม่เลวกับปาร์ม่า แต่ใจลึกๆ ในตอนนั้นเชื่อว่าไม่ใช่การแต่งตั้งที่เหมาะสมเลยของทีมเบียงโคเนรี่ ยังเร็วเกินไปที่อันเชล็อตติจะขึ้นไปคุมทีมใหญ่อย่างยูเว่

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    เขาไม่ได้มีความสำเร็จชัดเจนนักที่เรจจาน่าสังกัดแรก แต่กับปาร์ม่าถือว่าเข้าตาอย่างจัง แม้สถิติชนะจะไม่ถึง 50 เปอร์เซนต์ (คุมทีม 87 นัด ชนะ 42 เสมอ 27 แพ้ 18 เปอร์เซนต์ชนะ 48.28) ทว่าทีมจัลโล่บลูของอันเชล็อตติร้ายกาจถึงขนาดโค่นได้ทั้งเอซี มิลาน ยูเวนตุส อินเตอร์ มิลาน โรม่า ลาซิโอ นาโปลี และซามพ์โดเรียในฤดูกาลเดียวกัน 1996/97 และปีนขึ้นไปจบซีซั่นด้วยตำแหน่งรองแชมป์

    ลูกทีมของเขาในช่วงเวลา 2 ฤดูกาลที่เอ็นนิโอ ตาร์ดินี่.. จานลุยจิ บุฟฟ่อน ฟาบิโอ คันนาวาโร่ อเลสซานโดร เนสต้า ลิลิยอง ตูราม ดิโน่ บาจโจ มาริโอ สตานิช สเตฟาโน่ ฟิออเร่ เยสเปอร์ บลอมควิสต์ เอ็นริโก้ เคียซ่า เอร์นาน เครสโป โทมัส โบรลิน จานฟรังโก้ โซล่า..

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเส้นทางยาวไกลของนักฟุตบอลปาร์ม่าหลายรายในชุดนั้นมีการทำงานร่วมกับอันเชล็อตติเป็นพื้นฐานที่มั่นคง เติบโตไปด้วยกันทั้งโค้ชที่เป็นเหมือนรุ่นพี่ด้วยอายุที่ไม่ได้ห่างกันมากและตัวนักเตะที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่จุดพีคของตัวเอง

    ในวัย 37 ปี คาร์เล็ตโต้รับผิดชอบงานใหญ่มหึมาในทีมเล็กอย่างปาร์ม่าและทำได้อย่างยอดเยี่ยม การรับงานต่อจากโค้ชชั้นเลิศอย่าง เนวิโอ สกาล่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่เขาสานต่อมันได้วิเศษ แสดงฝีมือออกมาให้เห็นและเริ่มกลายเป็นที่จับตามองของวงการ

    เพราะเขากล้าทำและกล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ปรับระบบการเล่นมาเป็น 4-4-2 ดึงโซล่าจากตำแหน่งศูนย์หน้าตัวรองออกไปเล่นทางซ้ายเนื่องจากยึดมั่นใจระบบที่ไม่ได้มอบความสำคัญให้บทบาทเพลย์เมกเกอร์ และนั่นยังเป็นที่มาของการปฏิเสธ โรแบร์โต้ บาจโจ ในฤดูกาล 1997/98 ที่ทุกอย่างตกลงกันได้แล้วอีกด้วย

    มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ทุกวันนี้อันเชล็อตติยอมรับเสมอว่านึกย้อนกลับไปเมื่อไหร่ก็เสียดายเมื่อนั้น ถ้าปาร์ม่าของเขามีเปียทองคำมันจะเป็นอย่างไรกันนะ

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    แน่นอนครับ เขาเองก็ได้เรียนรู้มากมายในการทำงานที่ปาร์ม่า และผมคิดว่ามันคือรากฐานที่แน่นมากสำหรับก้าวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางงานโค้ชของเขา

    ไม่รู้เหมือนกันว่าอันเชล็อตติจะรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นประวัติการทำงานของเขาหลังจากปาร์ม่านั้นมีแต่ลิสต์ของทีมระดับท็อปของทวีปทั้งสิ้น ยังไม่ต้องรวมถึงผลงานที่ชัดเจนในด้านความสำเร็จ กวาดมาเรียบทั้งเกียรติยศส่วนตัวและรางวัลของส่วนรวม

    ที่ยูเวนตุส เขามีสถิติชนะ 55.26 เปอร์เซนต์ มันอาจจะก้ำกึ่งกับความคิดของผมในเวลานั้นที่มองว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จที่นั่นเพราะสุดท้ายก็ถูกทีมม้าลายไล่ออกจริงๆ เพียงแต่ถ้ามองในแง่รายละเอียดของผลงานและการทำงานเราได้เห็นฝีไม้ลายมือและการปรับตัวเรื่องแนวคิดของเขาพอสมควร

    ใน 2 ฤดูกาลครึ่งที่เดลเล่ อัลปิ (สนามเหย้าของยูเวนตุสเวลานั้น) เขาโยนระบบ 4-4-2 ที่เคยยึดมั่นทิ้งไปเพื่อมอบบทบาทตัวทำเกมอิสระให้ ซีเนดีน ซีดาน ประสบการณ์ที่ปาร์ม่าทำให้เขามีความคิดและไอเดียที่เปิดกว้างขึ้น ยืดหยุ่นกว่าเดิม และเริ่มฉายแสงให้เห็นว่ามีศักยภาพพอที่จะเป็นยอดฝีมืออีกคนของวงการ

    เขาแก้ไขสถานการณ์พายูเว่จบอันดับ 6 หลังเข้าคุมทีมกลางคันในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 จากนั้นก็คว้ารองแชมป์เซเรีย อา 2 ฤดูกาลติดต่อกันในซีซั่น 1999/2000 ที่แพ้ลาซิโอ และ 2000/01 ที่แพ้โรม่า (อันเชล็อตติถูกไล่ออกช่วงพักครึ่งของเกมปิดฤดูกาลกับอตาลันต้าซึ่งทีมม้าลายชนะ 2-1)

    เป็นรองแชมป์ 2 ฤดูกาลติดนั้นความจริงก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่หรอกครับ เพียงแต่กับสโมสรใหญ่อย่างยูเวนตุสนั้นถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์แล้วโดยเฉพาะบาดแผลในซีซั่น 1999/2000 ที่ยูเว่โขยกหนีลาซิโอถึง 5 คะแนนขณะที่เหลือเพียง 3 เกมแต่กลับโดนทีมอินทรีฟ้าขาวปาดหน้าซิวสคูเด๊ตโต้ดื้อๆ นั้นถือเป็นแผลใหญ่ที่ต้องลบล้างด้วยตำแหน่งแชมป์เท่านั้นซึ่งเขาทำได้แค่เกือบในฤดูกาลต่อมา

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    แล้วประสบการณ์จากทั้งที่ปาร์ม่าและยูเวนตุส บวกกับจังหวะเวลาที่เหมาะเจาะที่สุดก็ส่งให้อันเชล็อตติพุ่งทะยานเต็มกำลังที่.. มิลาน

    กับ เอซี มิลาน แทบจะไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ เขาพาทีมเป็นแชมป์ทั้งกัลโช่ เซเรีย อา โคปปา อิตาเลีย แชมป์ยุโรป 2 สมัยและเข้าชิงอีก 1 ครั้ง พ่วงแชมป์สโมสรโลกเข้าไปด้วยอีกรายการ

    ระยะเวลา 7 ปีครึ่งของอันเชล็อตติในซาน ซิโร่ ตั้งแต่ พ.ย. 2001 ถึง พ.ค. 2009 คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสโมสรปีศาจแดงดำ ทีมได้ลุ้นความสำเร็จทุกปีและมีขุนพลชั้นเลิศมากมายนับนิ้วมือนิ้วเท้าไม่หมด

    อันเดรีย ปีร์โล่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ กาก้า อังเดร เชฟเชนโก้ ต่างมีช่วงเวลาขึ้นถึงจุดพีคในอาชีพที่นั่น ยังไม่รวมคนอื่นๆ ทั้ง ดีด้า เปาโล มัลดินี่ เนสต้า คาฟู แซร์จินโญ่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ เครสโป ริวัลโด้ หรือกระทั่งโรนัลโด้เหยินใหญ่

    สาวกมิลานยังคงอมยิ้มฝันหวานและนึกถึงความหลังอันหวานฉ่ำได้เสมอกับทีมรอสโซ่เนรี่ในมืออันเชล็อตติ

    ทุกๆ ที่ของเขามีประสบการณ์มากมายที่แลกเปลี่ยนกัน ทีมใหญ่ นักเตะใหญ่ ความคาดหวังใหญ่ย่อมให้เขาต้องพัฒนาตัวเองไม่หยุด

    สำคัญกว่านั้นคือการกล้าก้าวออกนอกพื้นที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ออกไปผจญภัยในโลกกว้างทำให้สามารถพูดได้ว่า คาร์โล อันเชล็อตติ คือกุนซือที่ครบเครื่องทั้งประสบการณ์และความกว้างขวางในแง่ศาสตร์ลูกหนังจากที่ต่างๆ รวมอยู่ในตัว

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    หลังจากเรจจาน่า ปาร์ม่า ยูเวนตุส และเอซี มิลาน อันเชล็อตติข้ามไปทำงานในอังกฤษกับเชลซี ในฝรั่งเศสกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในสเปนกับเรอัล มาดริด ในเยอรมันกับบาเยิร์น มิวนิค ก่อนจะกลับมาอิตาลีอีกครั้งที่นาโปลี

    แม้จะไม่ใช่ทุกที่ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบทุกอย่างราบรื่นไร้ปัญหา ที่เปแอสเชเขาถูกมงต์เปลลิเย่ร์แซงเข้าป้ายเป็นแชมป์ในซีซั่นแรก ที่บาเยิร์น มิวนิคก็จากมาแบบขุ่นมัว แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่เขาไม่มีแชมป์ติดมือเลยยกเว้นทีมดังแห่งเมืองเนเปิ้ลส์ที่จะว่าไปปัญหารุมเร้าเลยเถิดจนควบคุมไม่อยู่จริงๆ เพราะมีความบ้าบิ่นของท่านประธาน ออเรลิโอ เด เลาเรนติส เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    ดับเบิ้ลแชมป์กับเชลซี แชมป์ลีกเอิงกับเปแอสเช แชมป์ยุโรปและสโมสรโลกกับเรอัล มาดริด แชมป์บุนเดสลีกากับบาเยิร์น

    จะหาใครที่มีประวัติการทำงานสวยหรูอย่างนี้อีกยากเต็มที อันเชล็อตติทำงานกับทีมใหญ่เกือบตลอดชีวิตงานโค้ช ทำงานใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปครบทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และอิตาลี เป็นโค้ชคนแรกในโลกที่ได้แชมป์ลีกใหญ่ยุโรป 4 จาก 5 ลีกที่ว่า

    ขาดไปก็แค่ ลา ลีกา กับทีมราชันชุดขาวเท่านั้น แต่เขาก็ทดแทนมันด้วยตำแหน่งเจ้ายุโรปอันหอมหวานเมื่อปี 2014 สิ้นสุดการรอคอยนาน 12 ปี

    จึงไม่น่าแปลกใจที่สื่อบางรายของอังกฤษจะเรียกการรับงานคุมทีมเอฟเวอร์ตันของอันเชล็อตติว่า The perfect appointment

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    ไม่มีดีลไหนน่าประทับใจและสมบูรณ์แบบไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับเอฟเวอร์ตัน ในเมื่อดีกรีของ คาร์โล อันเชล็อตติ มากมายก่ายกองขนาดนี้

    ความสำเร็จชัดเจน บุคลิกโดดเด่น ตบะบารมีก็ยังแก่กล้าในวัย 60 กะรัต มีครบทั้งลูกบู๊ลูกบุ๋น

    ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินมีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และกำลังต้องการใครสักคนเข้ามานำพาทีมให้ก้าวไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

    ประวัติและผลงานของอันเชล็อตติตอบโจทย์ได้ เอฟเวอร์ตันสามารถฝากความหวังไว้ในมือเขาได้ ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงโครงการใหญ่ของสโมสรที่ลงทุนสร้างสนามเหย้าใหม่ความจุ 52,000 คนที่ แบรมลี่ย์ มัวร์ ด็อค ก็ยิ่งชวนให้รู้สึกว่าตัวเลือกนี้เหมาะสมกับโปรเจ็กต์ของพวกเขาเหลือเกิน

    มองการณ์ไกล คิดการใหญ่ บอร์ดบริหารของเอฟเวอร์ตันจึงทุ่มไม่อั้นเพื่อดึงอันเชล็อตติเข้ามา

    มาเพื่อสร้างทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินให้กลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้ง ไม่ใช่จมปลักอยู่ในพื้นที่ครึ่งล่างของตารางแบบนี้ ทีมอย่างเอฟเวอร์ตันไม่ควรมีผลงานไม่จบท็อปโฟร์ของลีกมา 14 ปีติดต่อกันอย่างนี้ ไม่ควรมีสถิติติดอันดับ 1 ใน 4 ของตารางแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ปี 1988 แบบนี้..

ทีมแห่งประวัติศาสตร์กับกุนซือผู้เสกแชมป์

    โครงการระยะยาวและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเอฟเวอร์ตันคือแรงจูงใจสำคัญที่อันเชล็อตติเลือกพวกเขาด้วยการเซ็นสัญญานาน 5 ปี

    "Nothing is impossible in football" คือประโยคที่เขาบอกกับสื่อทั้งหลายในการแถลงข่าวครั้งแรกในฐานะกุนซือทีมทอฟฟี่ และสิ่งที่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่เขาพูดคงไม่ได้หมายถึงแค่การไต่ขึ้นมาติดครึ่งบนของตารางแน่ๆ

    เอฟเวอร์ตันคือสโมสรที่อุดมไปด้วยเกียรติประวัติ ก้าวเดินอย่างมุมานะบนเส้นทางยาวไกล ล้มบ้างลุกบ้างเป็นธรรมดา หากศรัทธาของผู้คนมากมายที่มอบให้ไม่เคยจืดจาง

    จากยุคสู่ยุค จากรุ่นสู่รุ่น ศักดิ์ศรีของพวกเขายังคงยิ่งใหญ่.. สมกับที่เป็น The grand old team สมกับที่เป็น The people's club..

    คำขวัญประจำสโมสรยังคงเด่นหราอยู่อย่างนั้น

    Nil satis nisi optimum - ดีที่สุดเท่านั้นถึงจะดีพอ

    เพราะเอฟเวอร์ตันมีดีกว่านี้แน่นอน

โพสต์โดย : mangood mangood เมื่อ 26 ธ.ค. 2562 21:02:09 น. อ่าน 143 ตอบ 0

facebook