แม้ว่าการได้รับงานกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในครั้งนั้น จะทำให้ นาเกลส์มันน์ กลายเป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บุนเดสลีกา แต่ยศดังกล่าวไม่ได้เป็นการรับประกันฝีมือของเขา และหลายคนก็ไม่เชื่อน้ำมือของเขาเท่าไหร่ แถมเจ้าตัวยังต้องมารับงานเร็วกว่ากำหนดอีก เพราะ ฮูบ สตีเฟ่นส์ บอกลาทีมไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 จากปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ นาเกลส์มันน์ ต้องเข้ามาคุมทีมก่อนที่จะถึงซีซั่น 2016-17
อย่างไรก็ตาม นาเกลส์มันน์ ก็ทำผลงานได้โดดเด่น ทั้งการพา ฮอฟเฟ่นไฮม์ รอดจากการตกชั้นในซีซั่น 2015-16 ทั้งที่ตอนที่เขาเข้ามาคุมทีมนั้น ทีมอยู่เหนือโซนปลอดภัยแค่ 7 คะแนนเท่านั้น และพอถึงซีซั่น 2016-17 ที่เขาได้คุมทีมแบบเต็มตัว นาเกลส์มันน์ ก็พาทีมได้อันดับ 4 ในลีก จนได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพอถึงซีซั่น 2017-18 เขาก็พาทีมจบในลีกด้วยการเป็นอันดับ 3 ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มันถือว่าโชคร้ายDream Gamingที่พวกเขาต้องไปเจอ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในรอบคัดเลือก รอบเพลย์ออฟ ก่อนที่จะตกรอบจากการแพ้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-6
แม้ว่าในฤดูกาล 2018-19 ฮอฟเฟ่นไฮม์ ของ นาเกลส์มันน์ จะได้อันดับ 9 ในลีก และตกรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ผลงานของเขาก็ดีพอที่จะทำให้ แอร์เบ ไลป์ซิก ดึงมาคุมทีมในซีซั่น 2019-20 ซึ่งตอนนี้กุนซือวัย 32 ปีก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทั้งการเป็นรองจ่าฝูงของลีกด้วยผลงาน 45 คะแนน จากการลงเล่น 22 นัด ตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค เพียงแค่ 1 คะแนน และกำลังมีโอกาสที่จะพา ไลป์ซิก เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ จากการที่ในนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย เขาพาทีมบุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ได้ถึงสนาม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม
ทุกวันนี้บางคนถึงขั้นยกย่อง นาเกลส์มันน์ เลยว่าจะเป็นกุนซือระดับโลกจนถึงขนาดที่อาจจะดังเหมือน โจเซป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าในซีซั่นนี้ผลงานด้านไหนบ้างของ ไลป์ซิก ที่โหดจนทำให้ นาเกลส์มันน์ สมควรได้รับคำชม
- การผ่านบอลเพื่อขึ้นเกมบุก
ในซีซั่นนี้ ไลป์ซิก สามารถทำประตูในลีกได้ 56 ลูก สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของ บุนเดสลีกา เป็นรองเพียง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (63 ประตู) และ บาเยิร์น มิวนิค (62 ประตู) ทั้งที่พวกเขามีตัวเลือกในแนวรุกน้อยกว่าทั้ง 2 ทีมดังกล่าว เอาแค่ในตำแหน่งกองหน้าก็มีเพียง ติโม แวร์เนอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะฝากผีฝากไข้เรื่องการทำประตูได้
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกมรุกของ ไลป์ซิก ดูดีแบบนั้น เป็นเพราะพวกเขามีการต่อบอลขึ้นเกมกันได้ดี ถ้านับเฉพาะในลีกแล้วนั้น ไลป์ซิก เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลจังหวะสำคัญสูงเป็นอันดับ 3 ของลีก ด้วยจำนวน 12.6 ครั้งต่อเกม โดยที่อันดับ 1 คือ บาเยิร์น จากค่าเฉลี่ย 14.5 ครั้งต่อเกม และที่ 2 คือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยจำนวน 12.8 หนต่อนัด
การต่อบอลได้ดีของ ไลป์ซิก ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่มีจังหวะจบสกอร์ภายในกรอบ 6 หลาสูงเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยค่าเฉลี่ย 1.5 ครั้งต่อเกม โดยอันดับ 1 คือ บาเยิร์น จากค่าเฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อเกม แถมถ้านับรวมทั้งภายในทุกระยะของกรอบเขตโทษ ทีมของ นาเกลส์มันน์ ก็เป็นทีมที่มีจังหวะจบสกอร์ในกรอบเขตโทษเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวน 9.6 ครั้งต่อเกม แพ้ให้ บาเยิร์น ที่ทำไป10.7 ครั้งต่อเกมแค่ทีมเดียว
นอกจากนี้ ไลป์ซิก ยังเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลระยะสั้นเข้าเป้าสูงเป็นอันดับ 4 ของ บุนเดสลีกา อีกต่างหาก ด้วยค่าเฉลี่ย 420.3 ครั้งต่อเกม โดยที่ 1 ในชาร์ตนี้คือ บาเยิร์น (544.7 ครั้งต่อเกม) ตามมาด้วย ดอร์ทมุนด์ (532.1 ครั้งต่อเกม) และ เลเวอร์คูเซ่น (475.8 ครั้งต่อเกม)
ขณะที่ใน แชมเปี้นส์ ลีก ไลป์ซิก ก็เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลจังหวะสำคัญสูงเป็นอันดับ 7 หากนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นมา หลังจากทำได้ 11.9 ครั้งต่อเกม แพ้ ลิเวอร์พูล อันดับ 6 ของชาร์ตนี้เพียงแค่เฉลี่ยแล้ว 0.1 ครั้งต่อเกมเท่านั้น หลังจาก ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีค่าเฉลี่ยด้านนี้ที่ 12 ครั้งต่อเกมพอดิบพอดี
- ศักยภาพด้านการทำประตู
อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่า ไลป์ซิกก ทำประตูในลีกได้เยอะ ซึ่งนอกจากการผ่านบอลขึ้นเกมบุกที่ดีแล้วนั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกเขายิงในลีกได้มากมายก่ายกองเป็นเพราะทีมของ นาเกลส์มันน์ ใช้โอกาสไม่เปลืองมากเท่าไหร่
ในซีซั่นนี้ ไลป์ซิก เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการมีจังหวะยิงสูงเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวน 16.4 หนต่อนัด โดยที่อันดับ 1 คือ บาเยิร์น ที่จำนวน 18.5 หนต่อนัด และมันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาสักแต่ยิง เพราะ ไลป์ซิก ยังมีค่าเฉลี่ยการยิงตรงกรอบในลีก 6.7 ครั้งต่อนัด ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของลีกด้วย แพ้แค่ บาเยิร์น ที่ทำได้ 7.5 ครั้งต่อนัด เพียงทีมเดียว
- วินัยของการสกัด
นอกจากเกมรุกที่โดดเด่น เกมรับของ ไลป์ซิก ในยุคของ นาเกลส์มันน์ ก็ดูดีเชนกัน พวกำเขาเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดโดนบอลสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวนเฉลี่ย 19 ครั้งต่อเกม โดยอันดับ 1 ในชาร์ตนี้คือ พาเดอร์บอร์น ที่ทำได้ 20 หนต่อนัด
ยิ่งไปกว่านั้น ไลป์ซิก ยังเป็นทีมที่เสียฟาวล์น้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ร่วม ของลีกประจำซีซั่นนี้ด้วย เพราะพวกเขาโดนจับฟาวล์ไป 11.3 ครั้งต่อเกม โดยพวกเขาครองอันดับนี้ร่วมกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งการเสียฟาวล์น้อยก็ทำให้ ไลป์ซิก เป็นทีมที่โดนใบเหลืองน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ ไฟร์บวร์ก ด้วย เพราะตลอดทั้งซีซั่นนี้นักเตะของพวกเขาได้รับใบเหลืองไป 30 ใบ โดยอันดับ 1 คือ ดอร์ทมุนด์ ที่ได้รับใบเหลืองไป 19 หน
โพสต์โดย : MOSZAS เมื่อ 20 ก.พ. 2563 15:26:52 น. อ่าน 142 ตอบ 0