ยกเลิกวันหยุด วันนี้ (28เม.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ซึ่งต้องจับตาดูว่า ภายหลังจากที่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติเห็นควรพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 โดยยังคงมาตรการ 4 ข้อ เอาไว้ ได้แก่ ควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (Curfew) ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดโดยไม่มีเหตุจำเป็น และงดการดำเนินกิจกรรมคนหมู่มากเป็นการชั่วคราว
ยกเลิกวันหยุด นอกจากนี้ ยังต้องจับตาถึงการเลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤษภาคม 2563 ได้แก่ วันแรงงานแห่งชาติ วันฉัตรมงคล วันวิสาขบูชา และวันพืชมงคล ออกไปก่อน ซึ่งมติของครม. จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันวันนี้
ศบค.เสนอขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน เลื่อนวันหยุดเดือนพ.ค.ทั้งเดือน
ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกวันหยุด – จากกรณี วันที่ 25 มีนาคม 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร มีผลถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 นั้น
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ถึง 30 เมษายน 2563
วันนี้ 27 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล หนึ่งในเรื่องที่เข้าหาหรือคือ มาตราการพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอให้คงช่วงเวลาเคอร์ฟิวส์ต่อไปอีก และที่ประชุมเห็นชอบให้ ขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน คือ เดือนพฤษภาคม และ ศบค. มีมติให้เลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดราชการของเดือน พฤษภาคมทั้งหมดออกไปก่อน แล้วค่อยหาวันหยุดชดเชยให้ภายหลัง
ทั้งนี้วันหยุดนักขัตฤกษ์เดือน พฤษภาคม ประกอบด้วย
- ศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563 วันแรงงาน
- จันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563 วันฉัตรมงคล
- พุธที่ 6 พฤษภาคม 2563 วันวิสาขบูชา
- จันทร์ที่ 11 พฤษภาคม วันพืชมงคล
ศบค.เผยแนวทางผ่อนปรนมาตรการ เน้นกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก่อน ให้มี 5 ข้อกำกับดูแลป้องกันแพร่เชื้อ พร้อมแบ่งลักษณะสถานประกอบการออกเป็น 4 ประเภท
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงในประเด็นการผ่อนปรนมาตรการให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ โดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้
-ในที่ประชุมศบค. นายกฯได้ห่วงใยเรื่องผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่รายได้ลดลง จึงมอบนโยบายให้กำหนดระยะและแนวทางในการผ่อนปรนมาตรการเป็น 4 ระยะ ระยะที่หนึ่ง 25% ระยะที่สอง 50% ระยะที่สาม 75% ระยะที่สี่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ละระยะจะใช้เวลาทบทวนเป็นรอบเวลา 14 วันเป็นอย่างน้อย ตามระยะการฟักตัวของโรค
แนวคิดในการผ่อนปรนมาตรการ
-ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านอื่นมาประกอบ โดยยังคงร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้าน
วิธีการดำเนินการพิจารณา
-พิจารณาจากประเภทของกิจการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นลำดับแรก และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย
-กำกับให้กิจกรรมต้องประกอบด้วย 1. การยกเว้นระยะห่างทางสังคมม 2. การวัดอุณหภูมิ 3. มีแอลกอฮอลฆ่าเชื้อหรือเจลล้างมือ 4. จำกัดจำนวนคนในกิจกรรมให้เหมาะสมต่อกิจกรรมและสถานที่และ 5. มีแอพพลิเคชั่นติดตามตัวหากเป็นไปได้ หรือมีการลงทะเบียน
-โฆษกศบค.ระบุว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กัน คือ เร่งรัดการตรวจเชื้อให้กับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และมีการใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อตรวจสอบกิจกรรมควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพ
-ให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์เพื่อควบคุม ทุกรอบ 14 วัน กรณีควบคุมได้ดีขึ้นสามารถผ่อนคลายมาตรการเพิ่มขึ้น และขยายพื้นที่ ส่วนกรณีไม่ดีขึ้นให้ระงับมาตรการผ่อนคลายในทันที
-อาจต้องให้สถานที่ประกอบการใช้กล้องซีซีทีวีไว้คอยตรวจตรา เช่น หากพบว่าเป็นแหล่งติดเชื้อ และ ตรวจสอบย้อนหลังพบว่าไม่ได้มีมาตรการดูแลก็เป็นเหตุให้สั่งปิดสถานบริการนั้นได้
-เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ในฐานะที่ปรึกษา ศบค. เสนอแนวทางการผ่อนปรนโดย แบ่งประเภทธุรกิจเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง
–สีขาว คือความจำเป็นในชีวิตประจำวันเป็นสถานประกอบการขนาดเล็กในที่โล่งแจ้ง ร้านขนาดเล็กที่ควบคุมได้
–สีเขียว คือสถานที่ประกอบการขนาดเล็ก ติดเครื่องปรับอากาศหรือไม่ติดแต่พื้นที่ไม่มาก สถานออกกำลังกายในกลางแจ้ง
–สีเหลือง เป็นพื้นที่ที่มีการติดเครื่องปรับอากาศ มีคนจำนวนมาก
–สีแดง เป็นพื้นที่มีความเสี่ยงสูงเช่นสนามมวย สถานบันเทิง ที่มีผู้คนแออัดจำนวนมาก
-โฆษกศบค.ระบุว่า ทั้งหมดเป็นหลักการที่นายกฯ เห็นชอบในที่ประชุมศบค. แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในรายละเอียด โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องจะมีการพูดคุยในรายละเอียดก่อนเสนอที่ประชุมครม.พิจารณา 28 เม.ย.นี้