โซดาซ่า ดูบอล
Menu
กรุณากดปุ่ม แชร์ ให้เพื่อนๆได้มาดูด้วย

อนุทิน ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ไทยต้องไม่เสียเปรียบ กำชับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

“อนุทิน” กำชับ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ไทยต้องไม่เสียเปรียบ หลังร่วมกับจีนศึกษาพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยัน อสม. ได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน

อนุทิน

อนุทิน วันที่ 7 พ.ค. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการศึกษาและพัฒนา “วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19” ที่พัฒนาโดยคนไทย ว่า เราให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติไปหารือมหาวิทยาลัยต่างๆ และลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน ในการศึกษาและวิจัยร่วมกัน ตนได้เชิญ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ มาพูดคุยสอบถามถึงเรื่องนี้แล้ว เน้นย้ำว่าการทำเอ็มโอยูดังกล่าวเราต้องไม่เสียเปรียบ จึงขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องเข้าถึงพร้อมกันและได้รับความความยุติธรรมเท่ากัน

เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ผ่อนปรนมาตรการใดอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่รวมที่ ศบค. กระทรวงสาธารณสุขเป็นฝ่ายสนับสนุน ถ้ามีมาตรการอะไรดีๆ เพิ่มเติม จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการ ศบค.

ส่วนกระแสข่าวอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บางแห่งยังไม่ได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน แต่ยังต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่องนั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า อสม.ได้รับค่าตอบแทนแล้ว จากการสอบถามข้อเท็จจริงพบว่ากรณีของบางพื้นที่เกิดข้อผิดพลาดเรื่องการโอนเงิน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน รับประกันว่า อสม.ได้รับเงินค่าตอบแทนเต็มจำนวน.

และอีก อนุทินได้ลงพื้นที่จ.อุบลฯ ติดตามอาการ”เด็กตาโปน” พร้อมประสานจังหวัดเร่งออก”ใบเกิด”เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ต่างๆ ในฐานะคนไทย

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี มีรายงานว่าเด็กหญิงวัย 4 ขวบ บิดาเป็นคนไทย มารดาเป็นคนลาว มีอาการตาโปน มารักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่โรงพยาบาลปฏิเสธให้การรักษาเพราะไม่มีสัญชาติไทย เนื่องจากไม่ได้แจ้งเกิด ต่อมาภายหลังพบว่าเด็กหญิงได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว โดยนายอนุทินได้ไปเยี่ยมอาการและมอบของเล่นให้ผู้ป่วยเด็กด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องลงมาดูข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะตามหลักแล้ว คนป่วยอาการหนัก อย่างไรเสีย ก็ต้องได้รับการรักษาเบื้องต้น ซึ่งจากการได้หารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่าเด็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลแล้ว ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่มีการปฏิเสธการรักษา นอกจากนี้ ยังประสานทางจังหวัด เร่งทำใบเกิดให้เด็ก เพราะบิดาเป็นคนไทย เพื่อให้เด็กได้มีสิทธิ์แบบที่คนไทยได้รับ

อย่างไรก็ตามนอกจากนี้นายอนุทิน ยังได้ตรวจเยี่ยมการทำงานของโรงพยาบาลสรรพสิทธิฯ และให้กำลังใจแพทย์พยาบาล พร้อมพูดคุยกับประชาชนที่มาใช้บริการอย่างเป็นกันเอง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีการนัดประชุมวันนี้ โดยมีวาระพิจารณายืดเวลาการแบนพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ออกไป จากวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ออกไปเป็น 31 ธันวาคม 2563 ว่า ขอยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข มีความชัดเจนไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีทั้งสามชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพรีฟอส และ ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาทุกกรณี และไม่มีเหตุผลที่จะขยายเวลาอีกต่อไป ขอให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย คำนึงถึงความปลอดภัยทางสุขภาพของประชาชน เป็นอันดับแรก

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ยังสั่งการเป็นนโยบายให้ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย คือ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แสดงท่าที่และจุดยืนไม่รับรองมติการประชุม วันที่ 27 พ.ย. 62 และขอให้บันทึกมติของผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขว่าไม่เห็นด้วยกับมติการประชุม ที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธาน เคยแถลงว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ ให้มีการขยายเวลาการใช้และการประกาศวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 เป็น 1 มิถุนายน 2563 เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข แถลงในที่ประชุมชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารทั้งสามชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพรีฟอส

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันนี้ ลงมติโดยเปิดเผย เพื่อจะได้มีความชัดเจน ไม่เกิดปัญหาต้องตีความ และมีการโต้แย้งกันอีกหากสุดท้ายขยายการแบนสารพิษออกไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค. นี้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 วันที่ 5 ของการเริ่มต้นผ่อนปรนมาตรการ 6 กิจการและกิจรรม ระยะที่ 1 (14 วัน) ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ภายในห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ว่า ที่ประชุมศบค.เต็มคณะวันนี้ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค.กล่าวที่ในที่ประชุม ว่า ผู้อำนวยการศบค.ได้หยิบยกเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของการติดเชื้อโควิด-19 แต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่น จีนและเกาหลีใต้ สามารถควบคุมได้

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้มีการปรับเรื่องการประกาศรายชื่อและถอนประเทศกลุ่มเสี่ยงบางประเทศออกไป เพื่อให้มีเรื่องของการทำงานหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ อย่างไรก็ตามจะนำไปสู่การดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป กิจกรรมต่าง ๆ พึ่งพาการเดินทาง แต่ต้องระมัดระวังและถึงแม้จะว่าปลดตรงนี้แล้วจะเข้าประเทศได้ทันที แต่ต้องมีมาตรการต่าง ๆ โดยจะมีการประชุมกันต่อไป”

นพ.ทวีศิปล์กลาวว่ากรณีต่างประเทศหลายประเทศเปิดกิจการทางเศรษฐกิจนั้น เช่น สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย นั้น สองประเทศไทยนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อห้าม และยังไม่ได้กล่าวถึงการทำการค้าระหว่าง 2 ประเทศนี้ กล่าวถึงแต่เพียงจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งได้ประกาศเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตามไม่ว่าประเทศใดจะอยู่ในรายชื่อหรือไม่อยู่ในรายชื่อ แต่เรามีมาตรการป้องกัน คัดกรองหลายขั้นตอน ความเข้มงวดตรวจคนเข้าเมืองยังคงตรึงไว้อยู่

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผู้อำนวยการศบค.ยังกล่าวในที่ประชุมถึงการทำงานร่วมกันของประเทศอาเซียน เช่น รวมกลุ่มกันเพื่อลงทุน เรื่องวัคซีน รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันด้านสาธารณสุข รวมถึงการผ่อนผันแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานได้ เช่น การให้สมาร์ทวีซ่า การจัดตั้ง Test lab และการพัฒนาอุปกรณ์แพทย์ เช่น ชุดพีพีอี ซึ่งขณะนี้ขาดตลาดไปทั่วโลก
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม เช่น การปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลนให้แก้ปัญหาการเข้าถึง การค้ำประกัน ให้ผู้ประกอบการอัญมณี

อ่านเพิ่มคลิก

https://on-189.com/

โพสต์โดย : Thaihotnew Thaihotnew เมื่อ 7 พ.ค. 2563 15:15:38 น. อ่าน 148 ตอบ 0

facebook