พลอตเรื่องอิงจากสองบุคคลยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์จริงแห่งยุคโชซอน คือ พระเจ้าเซจงมหาราช และ จางยองชิล นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ในยุคนั้น มายืนเป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้ สำหรับคอละครเกาหลี ก็อาจจะคุ้นเคยกับบุคคลทั้งสองนี้กันมาบ้างแล้วจากซีรีส์ Tree with Deep Roots (2011), The Great King Sejong (2008) และ Jang Yeong Sil : The Greatest Scientist of Joseon (2016) ซึ่งก็จะทำให้พอทราบที่มาที่ไป รวมถึงภูมิหลัง บุคลิก และผลงาน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จะจินตนาการขยายเรื่องราวสัมพันธภาพระหว่างพระเจ้าเซจงและจางยองชิล ที่ผูกพันกันผ่านตัวงานราชกิจ ซึ่งเป็นทั้งนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่มาจากทัศนะความสนใจ และความใฝ่ฝันส่วนตัวที่มีตรงกัน
โดยนำเอา 2 นักแสดงมากฝีมือมาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราว คือ ฮันซอกกยู ที่รับบท พระเจ้าเซจง (อันที่จริง นี่ก็เป็นการรับบทเป็นพระเจ้าเซจงครั้งที่สองแล้ว จากเรื่อง Tree with Deep Roots) และ ชเวมินชิก รับบท จางยองชิล ก็เรียกได้ว่าคุณภาพชั้นครู คับแก้วมาก และยังมี ฮอจุนโฮ ชินกู คิมฮงฟา คิมแทอู คิมวอนฮี อิมวอนฮี ยุนเจมุน มาร่วมส่งบท ก็เป็นสีสันแบบนัมจาหนวดเคราเฟิ้มล้วนๆ 555 ไม่มีผู้หญิง แต่ผู้เขียนการันตีได้ว่า มิตรภาพลูกผู้ชาย หรือ Bromance ของ ฮันซอกกยู และ ชเวมินชิก มีเคมีดีงามใช้ได้เลย
พระเจ้าเซจงมหาราช หรือ เซจงแทวัง มีพระยศเดิมเป็น เจ้าชายชุงนยอง หรือพระนามเดิมว่า อีโด ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าแทจง (พระนามเดิม คือ อีบังวอน) เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนองค์ที่ 4 (ครองราชย์ปี คศ. 1418 – 1450) และเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวของโชซอนที่ได้รับสมัญญาเป็นมหาราช เนื่องจากพระราชกรณียกิจที่เป็นคุณูปการต่อประเทศอย่างมาก เป็นต้นว่า
การคิดประดิษฐ์อักษรเกาหลี (หรือที่เรียกว่าอักษรฮันกึล) จากที่ก่อนหน้านั้นต้องใช้แต่อักษรจีน (หรือที่เรียกว่า อักษรฮันจา) เพราะอยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจของจีนมาตลอด จนรับเอาวัฒนธรรมมาใช้โดยปริยาย ความสำคัญของการมีอักษรเป็นของตัวเองใช้งาน คือนอกจากเป็นสัญลักษณ์เป็นไทของประเทศแล้ว อักษรฮันกึลยังสามารถเข้าถึงง่าย เรียนรู้ได้ แม้จะเป็นเพียงชาวบ้านสามัญชน ผิดกับอักษรฮันจาที่ยากซับซ้อน มีแต่เหล่าชนชั้นสูงที่ได้เรียน การกำเนิดฮันกึล โดยทางอ้อมจึงเสมือนจุดเริ่มต้นของการช่วยลดความเหลื่อมล้ำของชนชั้น เพราะสร้างสังคมการอ่านออกเขียนได้ เข้าถึงปัญญาและโอกาสได้มากขึ้น
การก่อตั้งสำนักจิบฮยอนจอน คือสำนักปราชญ์ขงจื้อ เพื่อรวบรวมผู้มีความรู้ความสามารถมารวมกัน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ผลิตผลงานองค์ความรู้ ตำราหรือนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆซึ่งนำไปใช้พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือราษฎร รวมถึงทรงเป็นผู้รวบรวมให้เกิดตำราทางการเกษตรเล่มแรกของเกาหลีในชื่อว่า นงซาจิกซอล
ภายหลังพระเจ้าเซจงประชวรด้วยโรคเบาหวานจนสูญเสียพระเนตร (จะเห็นได้จากในหนังเรื่องนี้ว่ามีการเมคอัพดวงตาฮันซอกกยู ให้เห็นว่าป่วยอยู่) ทุกวันนี้ยังปรากฏพระบรมสาทิสลักษณ์บนธนบัตรฉบับ 10,000 วอน มีอนุสาวรีย์พระเจ้าเซจงมหาราชตั้งอยู่ที่จตุรัสควางฮวามุน ใจกลางกรุงโซล บนถนนเซจง และมีวันฮันกึล หรือวันอักษรเกาหลี ตรงกับวันที่ 9 ตุลาคมของทุกปี
จางยองชิล ตามข้อมูลวิกิพีเดีย เขามีชาติกำเนิดเป็นชาวนา ซึ่งเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคม (ชนชั้นชอนมิน) ในหนังเรื่องนี้ระบุว่าเขาเป็นทาสหลวง แต่ด้วยพรสวรรค์ของความเป็นนักคิดนักวิทยาศาสตร์ ที่มีความสุขกับการทดลองต่างๆ และชื่นชอบเรื่องดาราศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ และเพราะมีพระเจ้าเซจงที่ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล คิดนอกกรอบ รักงานวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์เช่นกัน มาร่วมการคิดค้นด้วยพระองค์เอง โดยไม่เกี่ยงเรื่องชนชั้น แถมเป็นที่โปรดปรานมากเป็นพิเศษ เพราะต่างเข้าใจกันเกินใครจะเข้าถึง
จางยองชิลได้รับแต่งตั้งเข้าร่วมสำนักชิบฮยอนจอน และรับตำแหน่งขุนนางขั้นสูงเป็นแดโฮกุน ผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญ คือ ลูกโลกจำลองดวงดาวบนท้องฟ้า นาฬิกาน้ำ นาฬิกาแดด มาตรวัดปริมาณน้ำฝน และเครื่องเรียงพิมพ์
แต่จางยองชิลถูกเหล่าขุนนางต่อต้านในความเป็นชนชั้นชอนมิน อันไม่สมควรกับตำแหน่งสูงๆที่ถูกสงวนไว้ให้ชนชั้นยังบันเท่านั้น จึงเป็นที่มาให้จางยองชิลถูกกลั่นแกล้งด้วยเหตุประเด็นทางการเมือง ความมั่นคงของประเทศ ไปจนถึงความผิดเรื่องบกพร่องต่อการสร้างเกี้ยวหามของพระเจ้าเซจง จนต้องโทษและถูกปลดไปในที่สุด แต่ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ก็ไม่มีบันทึกใดๆเกี่ยวกับชีวิตหลังจากนั้น หรือเสียชีวิตเมื่อไหร่ อย่างไร ต่อมาภายหลัง จางยองชิลได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโซซอน
ด้วยฝีมือจัดจ้านของสองนักแสดงหลัก ฮันซอกกยู ถ่ายทอดออร่าราชา ซีนข่มกลั้นอารมณ์ ซีนสดใสมีฝันมีความสุข ซีนต่างวัย รวมถึงการเมคอัพวัยที่ดูเนียนสมจริง เป็นการแสดงที่มีเสน่ห์เช่นเคย ส่วน ชเวมินชิก ที่มีพื้นฐานใบหน้าค่อนข้างดุดันมีอำนาจ แต่เรื่องนี้เขาก็สามารถสวมวิญญาณคนต่ำต้อยได้เนียนดี ซื่อๆถ่อมเนื้อถ่อมตัว ออกอาการเกร็งจนเงอะงะซุ่มซ่ามบ้างให้ชวนขำ ยามที่เขาได้อิสระ มีความเป็นส่วนตัวกับพระสหายต่างสถานะ ได้ฟิลความสุขตามไปด้วยจริงๆ
ส่วนเรื่องของการเมืองในรั้ววัง ที่ขุนนางมักชอบวางตัวเป็นใหญ่ ปัญหาของชนชั้น ปัญหาของประเทศที่ถูกจีนครอบงำควบคุม ล้วนเป็นองค์ประกอบที่เร่งเร้าให้ผู้ชมอินไปกับเส้นทางความสัมพันธ์ มิตรภาพต่างชนชั้น ที่ดีงามฟิลกู้ดและชวนตื้นตันใจ เป็นมุมมองสดใหม่ที่ทำให้หนังหลุดออกจากการเล่าอัตชีวประวัติ ทำให้มีมิติมากขึ้น มีสีสันของอารมณ์ที่ดึงความสนใจได้ดีเลย แถมพกด้วยความตื่นตาตื่นใจกับกลไกสิ่งประดิษฐ์ในยุคนั้น
สำหรับผู้เขียนซึ่งเป็นมนุษย์สายศิลป์ (555) ก็มองเห็นความงามของการประกอบร่างชิ้นส่วน และมองกลไกการเคลื่อนไหวเหมือนการร่ายรำงานศิลปะ ก็ได้อีกมิติที่นอกเหนือจากความเป็นงานเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งของคนยุคโบราณ
โพสต์โดย : Thaihotnew เมื่อ 4 มิ.ย. 2563 15:50:40 น. อ่าน 142 ตอบ 1
RE : รีวิวภาพยนตร์ Forbidden Dream (2019) | มิตรภาพข้ามชนชั้น สานฝันโชซอน
On-189 คาสิโนออนไลน์ บาคาร่า
สล็อต บอทสล็อต
หวย บอล ข่าวสารครบจบที่เดียว
รับเครดิตฟรีวันนี้@lineกดเลย
ตอบโดย : ONTHAI เมื่อ 4 มิ.ย. 2563 17:32:21 น. ตอบคำถาม
ดูฟุตบอลออนไลน์