โซดาซ่า ดูบอล
Menu
กรุณากดปุ่ม แชร์ ให้เพื่อนๆได้มาดูด้วย

จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองกำลัง “มองโลกในแง่ดี” หรือกำลัง “โลกสวย”?


หนึ่งในคำถามที่คนมักจะถามกันบ่อย ๆ ก็คือ “แบบนี้มันเป็นการมองโลกในแง่ดีหรือว่าโลกสวยกันแน่?” ซึ่งคนส่วนมากมักจะไปโฟกัสกันที่รูปแบบของประโยคมากกว่าที่จะโฟกัสที่ความรู้สึกระหว่างพูดประโยคนั้น ทำให้เกิดความสับสนระหว่างสองคำนี้ โดยเฉพาะหากคนที่มีข้อสงสัยใช้ความรู้สึกของตนเองเป็นหลักในการวัดว่าแบบไหนมองโลกในแง่ดีและแบบไหนโลกสวย ก็จะมีโอกาสสูงมากในการแยกแยะคลาดเคลื่อนไปจากความจริง


ก่อนที่จะชวนคุณวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างการมองโลกในแง่ดีกับการโลกสวยหลอกตัวเอง อยากชวนให้ทำความรู้จักกับการมองโลกในแง่ดีก่อน ดังนี้


ส่วนคำว่า “โลกสวย” นั้นมีความแตกต่างไปจากการมองโลกในแง่ดี โดยผู้เขียนขอตีความคำว่าโลกสวยในที่นี้ว่ามันน่าจะตรงกับคำว่า “การมองบวกแบบเป็นพิษ (Toxic Positivity)” มากที่สุด ซึ่งมันมีลักษณะดังนี้


ดังที่กล่าวไปแล้วว่าเราไม่สามารถใช้รูปแบบของประโยคเป็นตัวจำแนกได้ว่าประโยคแบบไหนมาจากการมองโลกในแง่ดีและประโยคไหนสะท้อนความเป็นคนโลกสวยหลอกตัวเอง เพราะรูปแบบของประโยคมีความเกี่ยวข้องกับภาษาและภาษานั้นตีความได้หลายแบบขึ้นอยู่กับว่าใครตีความรวมไปถึงบริบทของคนที่พูด ยกตัวอย่างเช่น

“ดีแล้วแหละที่เลิกกับผู้ชายคนนี้ไปได้ ต่อจากนี้จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็นสักที”


หากผู้พูดมีความรู้สึกไปในทางโล่งใจ และบริบทของผู้พูดคือแฟนเก่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมรบกวนจริง ๆ เช่น เจ้าชู้ ติดการพนัน ก้าวร้าว ขี้หึงแบบไม่มีเหตุผล หรือรับรู้ได้ตั้งแต่ก่อนเลิกกันแล้วว่าความสัมพันธ์เป็นแบบ Toxic Relationship ประโยคนี้ก็จะเป็นการมองโลกในแง่ดี

แต่หากผู้พูดมีความรู้สึกเจ็บปวดหรือหดหู่ และบริบทของผู้พูดคือแฟนเก่านั้นเป็นคนที่ไม่ได้มีพฤติกรรมแย่อะไรเพียงแต่บุคลิกอาจจะแตกต่างกันมากจนทำให้ไปต่อไม่ได้ หากค้นลึกเข้าไปข้างในจิตใจของผู้พูดแล้วก็คือไม่อยากจะเลิกกับแฟนเก่าเลย ประโยคนี้ก็จะเป็นการมองแบบโลกสวยหลอกตัวเอง


ความแตกต่างอีกอย่างของสองคำนี้ก็คือ ผลกระทบและพฤติกรรมที่เกิดจากวิธีการคิดของตนเองที่มีต่อคนรอบข้าง คนที่มองโลกในแง่ดีมักไม่มีพฤติกรรมรบกวนคนอื่น แต่คนที่มองแบบโลกสวยหลอกตัวเองนั้นมักจะตรงข้าม เนื่องจากวิธีการมองโลกนั้นส่งผลต่ออารมณ์ คนที่มองโลกในแง่ดีมักมุ่งจัดการกับความเครียดแบบมุ่งจัดการปัญหา (Active Coping) ทำให้คนที่มองโลกในแง่ดีมักมีความเครียดน้อยกว่า ส่วนคนที่มองแบบโลกสวยหลอกตัวเองมักจัดการกับความเครียดแบบหลีกหนีปัญหา (Avoidance Coping) ทำให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่ได้ไปจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น


ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ถูกเพื่อนร่วมงานนินทาในที่ทำงาน

โพสต์โดย : เจ้าหนู เจ้าหนู เมื่อ 29 ต.ค. 2566 19:41:42 น. อ่าน 144 ตอบ 0

facebook
close advertisement