โซดาซ่า ดูบอล
Menu
กรุณากดปุ่ม แชร์ ให้เพื่อนๆได้มาดูด้วย

7 เคล็ดลับ หัวถึงหมอนปั๊บหลับปุ๊บ แก้ปัญหานอนไม่หลับอย่างได้ผล

ผู้เขียนเชื่อว่าปัญหานอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นกับคุณทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใหญ่วัยทำงานเท่านั้นที่ประสบกับปัญหานี้ แม้แต่เด็กวัยเรียนเองก็สามารถนอนไม่หลับ หรือหลับยากได้เช่นกัน ซึ่งขอบอกเลยว่า การนอนไม่หลับนี้ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายเราได้มากกว่าที่คิดอีกนะ เพราะทั้งทำให้เกิดโรคอ้วน เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจ ทำให้สุขภาพผิวแย่ลง หน้าตาเสื่อมโทรม และส่งผลต่อระบบประสาทและความจำอีกต่างหาก

เห็นมั้ยคะว่าอันตรายขนาดไหนถ้านอนไม่พอ เพราะฉะนั้นเราเลยรวบรวมเคล็ดลับเด็ดที่จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นมาฝากกัน ต่อให้มีเรื่องเครียดในใจ ทำตามนี้ ยังไงก็นอนหลับสบายๆ 1. ทำท้องให้ว่างก่อนเข้านอน หลาย ๆ คนชอบคิดกันไปเองว่า ถ้ายิ่งกินมาก ๆ ก็จะยิ่งทำให้ง่วงได้ ซึ่งทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับคนที่อยากจะเข้านอนไวๆ นะคะบอกไว้ก่อน เพราะการกินอาหารเข้าไปแบบจัดหนักนั้น ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยอย่างน้อย ๆ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ยิ่งถ้าอาหารที่เรากินเข้าไปเป็นพวกเนื้อสัตว์ด้วยแล้วยิ่งนานใหญ่ ซึ่งถ้าเรากินปุ๊บแล้วเข้านอนเลยก็จะทำให้กระบวนการย่อยไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้นอนไม่หลับ และเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนอีกต่างหาก 2. ปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม เรื่องของสภาพแวดล้อมนี่จำเป็นสำหรับการนอนอย่างมากเลยนะคะ เพราะวิธีนี้ได้รับการวิจัยมาแล้วด้วยนะว่ามันจะช่วยให้หลับสบายได้จริงๆ โดยให้เราปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม แบบไม่หนาวหรือร้อนเกินไป เอาแบบอบอุ่นๆ พอดี จะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องเหนื่อยกับการปรับอุณหภูมิด้วยตัวเอง ทำให้ผ่อนคลาย และหลับสบายง่ายขึ้นกว่าเดิม ลองเอาไปใช้ดูนะคะ รับรองว่าเวิร์ค 3. ไม่คิดเรื่องเครียดๆ ระหว่างหลับตา

ถึงจะห้ามก็เถอะ แต่มันก็ยากจริงๆ นี่นา เพราะเวลาหลับตาเมื่อไหร่ ใจมันก็ฟุ้งซ่านทุกที เรื่องเครียดๆ ที่ลืมไปแล้วก็เข้ามาในหัวตลอดเวลา ทำให้ยิ่งกดดันและนอนไม่หลับเข้าไปอีก ขอบอกเลยว่าสถานการณ์แบบนี้แก้ไขได้ด้วยการปล่อยความคิดของเราให้ล่องลอยไป ลองทำภาพในหัวให้เบลอๆ มึนๆ หรืออาจะใช้ความคิดไปกับเรื่องที่ผ่อนคลาย เช่น งานอดิเรกที่เราชอบทำ หรือโฟกัสไปกับการนับแกะแทน ก็จะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นจริงๆ นะ 4. เข้านอน และตื่นนอนเป็นเวลา ร่างกายคนเราจะมีนาฬิกาชีวิตติดอยู่ในทุกๆ ระบบนั่นแหละค่ะ เป็นเหมือนตัวควบคุมจังหวะการใช้ชีวิตนั่นเอง เคยสังเกตมั้ยว่าถ้าเราทำอะไรติดต่อกันบ่อยๆ ก็จะทำให้ร่างกายเราจดจำ และทำสิ่งนั้นเป็นเวลาได้เอง อย่างที่เห็นง่ายๆ เลยก็คือ เรื่องของการขับถ่ายนี่แหละ ถ้าได้เข้าห้องน้ำหลังทานข้าวมื้อเช้าเสร็จบ่อยๆ เราก็จะทำแบบนี้ได้เอง ร่างกายก็จะอยากปลดปล่อยอัตโนมัติ การนอนหลับก็เหมือนกัน ถ้าเราเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมซ้ำๆ ก็จะทำให้ร่างกายคุ้นชิน และติดเป็นนิสัย ถึงแม้มันจะยากหน่อยในวันแรกๆ ก็ตาม 5. ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการนอนหลับ

เพื่อนๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองประสาทสัมผัสไว ได้ยินเสียงอะไรเข้าหน่อยก็ตื่น หรือมีแสงสว่างเล็ดลอดมากระทบตาก็ทำให้นอนไม่หลับ แบบนี้แนะนำให้ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการนอน อย่างผ้าปิดตา หรือที่อุดหูเข้ามาช่วย ก็จะทำให้หลับง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ ซึ่งการใช้อุปกรณ์แบบนี้จะทำให้ร่างกายของเราสงบ ไม่เกิดการรบกวน และที่สำคัญช่วยให้นอนหลับได้แบบสบายๆ ยาวไปได้ตลอดทั้งคืน 6. ทานกล้วยหอมเป็นมื้อเย็น

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะว่ากล้วยหอมที่หาซื้อได้ง่ายๆ เข้า 7-11 ก็เจอ มันจะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้นจริงๆ เพราะในผิวของกล้วยหอมนั้นมีฤทธิ์เหมือนยานอนหลับกลายๆ และมีอะมิโนแอซิดที่เรียกว่า ทริปโตฟาน อยู่ด้วย ซึ่งสารตัวนี้แหละที่จะเปลี่ยนเป็นเซโรโทนินที่จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ทานแล้วจะคลายเครียด ไร้กังวล และหลับสบายแบบที่เพื่อนๆ ต้องการ 7. เลือกท่านอนให้ถูกต้อง

ท่านอนที่เหมาะสมกับการนอนหลับมากที่สุดเลยก็คือ ท่านอนที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดนี่แหละค่ะ อย่าไปยึดติดกับตำราที่ว่า ต้องนอนหงายนะ ต้องนอนตะแคงนะ เพราะสุดท้ายแล้วสรีระร่างกายของคนเราก็แตกต่างกัน ดังนั้นผลลัพธ์ก็ย่อมต่างกันด้วย ให้นอนในท่าที่เราสบายที่สุด ท่านั้นแหละจะช่วยให้จิตใจของเราสงบ และเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว

ทั้ง 7 เคล็ดลับนี้ก็จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถเข้านอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนตัวเอง และหลับสนิทตลอดคืน ตื่นเช้ามาแบบกระปรี้กระเปร่าเลยล่ะค่ะ แต่สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยก็คือ การใช้โทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน ข้อนี้ต้องย้ำหนักๆ เพราะหลายคนชอบเล่นมือถือก่อนนอน โดยหารู้ไม่ว่าแสงสีฟ้าจากมือถือนี่แหละที่เป็นตัวการอย่างดีที่ทำให้เรานอนไม่หลับ โดยแสงสีฟ้าจากหน้าจอต่างๆ จะไปกระตุ้นร่างกายให้รับรู้ผิดๆ คิดว่าตอนนี้เป็นตอนเช้า ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัว แล้วก็ไม่ง่วงนอนแม้จะอยู่ในตอนกลางคืน เพราะฉะนั้นวางโทรศัพท์ไว้ห่างๆ แล้วทำใจสงบๆ หาอะไรเบาๆ ทำก่อนเข้านอน 30 นาที เท่านี้ก็ช่วยได้แล้วล่ะค่ะ

โพสต์โดย : เจ้าหนู เจ้าหนู เมื่อ 22 ธ.ค. 2566 18:11:11 น. อ่าน 141 ตอบ 0

facebook