ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช ประเดิมสนามเอเชียน คัพ ได้อย่างน่าผิดหวัง โดน อินเดีย ไล่ถลุงแบบเละเทะ 4-1 รอเล่นเกมที่สองดวล บาห์เรน วันที่ 10 ม.ค.นี้
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย "เอเชียน คัพ 2019" ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขุนพล "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ประเดิมสนามรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดแรก พบ ทีมชาติอินเดีย ที่อัล นาห์ยาน สเตเดียม เมืองอาบูดาบี
ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช วันนี้จัดตัวแบบเปิดเกมบุกอย่างเต็มที่ ส่ง 3 กองหน้า อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, อดิศักดิ์ ไกรษร และธีรศิลป์ แดงดา ลงล่าตาข่าย โดยมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวทำเกม
ขณะทีมชาติอินเดีย ของกุนซือสตีเฟ่น คอนสแตนติน ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามเช่นกัน นำโดยหัวหอกจอมเก๋า อย่าง สุนีล ชเฮตรี ดาวยิงวัย 34 ปี ซึ่งจับคู่กองหน้ากับ มูฮัมเหม็ด คูรูนิยาน โดยมี โรนาย ฮัลเดอร์ กับ อนิรูห์ ธาปา คุมเกมแดนกลาง
เริ่มเกมเป็นอินเดียที่เล่นกันได้อย่างคึกคักในช่วง 10 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นเป็นทีมชาติไทยที่ครองเกมได้เหนือกว่า พยายามหาช่องเปิดเกมบุกเข้าใส่คู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้วนาทีที่ 27 กลายเป็นอินเดียมาได้จุดโทษจากจังหวะทุ่มเร็วเข้ามาในกรอบเขตโทษของไทย ฉัตรชัย บุตรพรม ออกมาสกัดบอลแต่ไปโดนแขนของ ธีราทร บุญมาทัน ที่หวังจะเข้ามาช่วย กลายเป็นแฮนด์บอล และเป็น สุนีล ชเฮตรี ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทีมซัดเข้าไปไม่พลาด อินเดีย นำ 1-0
ทีมชาติไทย ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ น.33 มาได้ประตูตีเสมออย่างทันควันจากลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา ธีราทร บุญมาทัน เปิดเข้าไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา โหม่งเน้นๆเข้าไป ตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันเพิ่ม หมด 45 นาทีแรก เสมอกันไป 1-1
ครึ่งหลัง "ช้างศึก" เปิดฉากบุกตั้งแต่แรก แต่กลายเป็นโดนเกมสวนกลับเร็วของอินเดียเล่นงาน และเป็น สุนีล ชเฮตรี ซัดจังหวะเดียวหน้ากรอบเขตโทษบอลเสียบใต้คานเข้าไป อินเดีย ขยับนำอีกครั้ง 2-1
หลังจากเสียประตู มิโลวาน ราเยวัช แก้เกมเป็นการด่วน ส่ง กรกช วิริยอุดมศิริ ลงมาเล่นแทน สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่เกมนี้ดูจะเล่นไม่ค่อยออกเท่าไหร่
น.68 ไทยที่กำลังบุกอยู่เพลินๆเพื่อทวงประตูคืน มาโดน อินเดีย ที่เน้นรับแน่นแล้วสวนกลับเร็ว สุนีล ชเฮตรี หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแม้จะโดน เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว สกัดเอาไว้ได้แต่บอลมาเข้าทาง อนิรูห์ ธาปา ชิพบอลเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น อินเดีย หนีห่าง 3-1
"ช้างศึก" หลังจากเสียประตูที่ 3 มีการแก้เกมอีกครั้ง ส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงมาเล่นแทน ชนาธิป สรงกระสินธ์
ทีมชาติไทย ขึงเกมบุกแทบฝ่ายเดียวเพื่อทวงประตูคืนให้ได้เร็วที่สุด แต่แทบไม่มีโอกาสได้จบสกอร์เท่าที่ควร กลายเป็นอินเดียที่ใช้จังหวะโต้กลับเร็วได้น่ากลัว มีลุ้นประตูหลายครั้ง โดยทีมชาติไทย เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย นำ สุมัญญา ปุริสาย ลงสนามมาแทน อดิศักดิ์ ไกรษร
น.81 อินเดีย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 4-1 จากจังหวะโต้กลับเร็วเหมือนเดิม และเป็น เจเจ ลัลเป็คห์ลัว ที่ลงมาเป็นสำรอง ยิงแบบฉีดยาหน้ากรอบเขตโทษเข้าประตูไปอย่างสุดสวย
ช่วงเวลาที่เหลือทีมชาติไทยยังเดินหน้าเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ แต่จังหวะสุดท้ายยังแทบไม่ได้ลุ้นประตูเท่าที่ควร
หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ทีมชาติไทย ประเดิมเอเชียน คัพ 2019 พ่าย ทีมชาติอินเดีย 1-4 ส่งผลให้ อินเดีย ขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่ม เอ มี 3 แต้ม ส่วนทีมชาติไทยรั้งบ๊วยของกลุ่ม
โปรแกรมต่อไป ทีมชาติไทย จะลงสนามนัดที่สอง พบ บาห์เรน วันที่ 10 มกราคม 2562 ที่อัล-มัคตูม สเตเดียม นครดูไบ เวลา 18.00น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนอินเดีย จะพบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 10 ม.ค.เช่นเดียวกัน เวลา 23.00น.
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : ฉัตรชัย บุตรพรม (GK), ทริสตอง โด, พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, ธีราทร บุญมาทัน, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ศุภชัย ใจเด็ด, อดิศักดิ์ ไกรษร, ธีรศิลป์ แดงดา
ทีมชาติอินเดีย : กูร์ปีต ซิงห์ สันธุ (GK), สุภาซิช โภส, ซานเดช จินกัน, อนิรุธ ทาปา, สุนีล ชเฮตรี, อชีค คุรุนิยาน, โปรนาย ฮัลเดอร์, อุดันทา ซิงห์, ฮาลิจารัน นาร์ซารี, ปริตาม โคทัล, อนัส เอดาโทดิกา
.gif "g2g")
