โพสต์เมื่อ 14 พ.ย. 2562 07:01:10 น. เข้าชม 413 ครั้ง แจ้งลบ
ย้อนไปเมื่อปี 2001 เอเดรียน่า เลอิเต้ คุณครูประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งใน มาเซโอ เมืองชายฝั่งแถบตะวันออกเฉียงเหนือ รัฐอลาโกอัส ประเทศบราซิล เธออยู่ในห้องเรียนของเช้าวันจันทร์ที่ไม่ต่างจากวันปกติทั่วๆ ไป
เอเดรียน่า เหลือบเห็นเด็กชายวัย 10 ขวบท่าทางขี้อายคนหนึ่งนั่งโต๊ะถัดไปที่ไม่ห่างมากนัก จึงได้ชวนคุยถามสารทุกข์สุกดิบเหมือนที่ทำกับนักเรียนคนอื่นๆ เป็นประจำ "สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอไปทำอะไรมา"
"ผมไม่ได้ทำอะไรครับ เพราะไฟฟ้าที่บ้านจะถูกตัดทุกสุดสัปดาห์" ซึ่งคำตอบที่ได้นั้นทำเอาเธอตกใจไม่น้อยพลางนึกในใจว่าแล้วอาหารที่แช่ในตู้เย็นจะเสียหรือไม่แล้วจะเอาอะไรกินกัน
เด็กชายคนนั้นพูดต่อไปด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ว่าคำตอบที่ออกมาจะทำให้คนที่ได้ยินนั้นกังวลไม่น้อย โดยไม่มีอะไรในตู้เย็นเสียอย่างแน่นอนทั้งที่ไฟฟ้าถูกตัดทั้งบ้าน เพราะในตู้เย็นไม่มีอาหารเหลืออยู่เลย
แม้เวลาจะผ่านมา 18 ปีแล้วแต่คุณครู เอเดรียน่า ที่ยังคงสอนอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้จำเด็กชายท่าทางขี้อายแต่สีหน้าดูมีความสุขตลอดเวลาที่ชื่อว่า โรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน ได้เป็นอย่างดี
เด็กชาย ฟีร์มีโน ไม่ค่อยใส่ใจการเรียนนัก ทำให้คุณครู เอเดรียน่า ต้องจ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลา เพราะเผลอเป็นไม่ได้ต้องออกไปเตะฟุตบอลที่สนามดินสกปรกละแวกนั้นพร้อมกลับมาด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมม
ครั้งได้อายุ 13 ปี ฟีร์มีโน เริ่มจุดประกายความฝันด้วยการร่วมทีมเยาวชนของสโมสรท้องถิ่นแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า CRB หรือ Clube de Regatas Brasil ปัจจุบันอยู่ระดับ ดิวิชั่น 2 ของประเทศบราซิล
ฟีร์มีโน ใส่เบอร์ 5 เล่นให้กับ CRB ซึ่งเป็นหมายเลขที่ถูกสงวนเอาไว้ให้กับนักเตะที่เล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับโดยเฉพาะ ทำให้เขาต้องทำหน้าที่ตัวตัดเกม เจ้าตัวไม่มีทางเลือกมากทีมให้เล่นอะไรก็ต้องปฎิบัติตาม เพราะทางบ้านประสบปัญหาด้านการเงิน พร้อมมุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตาซ้อมและทำตามคำแนะนำของโค้ชอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุนี้เองทำให้เป็นที่รักของทุกคนภายในทีม
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตเกิดขึ้นเมื่อปี 2008 เมื่อ โตนินโญ อัลเมด้า โค้ชระดับเยาวชนของ CRB โทรศัพท์หาเพื่อนคือ บิลอู หรือ ลูเซียโน โลเปซ เดอ ซูซ่า นักเตะของ แอตเลติโก มิเนโร ในเวลานั้น พร้อมส่ง ดีวีดี ลีลาการเล่นของ ฟีร์มิโน ไปให้ดู
ฟีร์มีโน ได้ทดสอบฝีเท้าที่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ เซา เปาโล แชมป์ลีกบราซิลในเวลานั้น แต่ไม่ผ่านกระนั้นก็ตาม บิลอู เห็นค้านโดยมองว่าทุกคนประเมินฝีเท้าเด็กคนนี้ต่ำเกินไป ทั้งที่ให้เวลาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นไม่อาจพิสูจน์อะไรได้
จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของ บิลอู ที่ไม่ท้อถอยผลักดัน ฟีร์มีโน ให้ได้ไปอยู่กับทีม ฟิเกเรซี พร้อมเซ็นสัญญาระดับอาชีพครั้งแรก ส่วนหนึ่งก็เพราะ บิลอู เคยเล่นให้ทีมนี้ระหว่างปี 2003–2005 และทั้งคู่ก็ทันได้เล่นร่วมกันเมื่อปี 2010
การย้ายลงใต้ไปเล่นให้ ฟิเกเรซี ส่งผลดีกับ ฟีร์มีโน อย่างมาก เพราะสโมสรตั้งอยู่ใน ฟลอเรียโนโปลิส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล ที่ๆ เอเยนต์นิยมไปสอดส่องนักเตะจนทำให้ได้ย้ายไปเล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ประเทศเยอรมันเมื่อต้นปี 2011
ที่เยอรมัน ฟีร์มีโน รีดผลงานกับ ฮอฟเฟนไฮม์ อย่างต่อเนื่องจนได้ย้ายไปเล่นให้ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015 ซึ่งหน้าร้อนเมื่อปี 2019 ก็ก้าวไปประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
บิลอู คือคนที่มีบุญคุณกับ ฟีร์มีโน อย่างใหญ่หลวงก็ว่าได้ "ผมเป็นพ่อทูนหัวของลูกสาวเขา เหลือเชื่อว่าเขายกระดับขึ้นมากตั้งแต่กองกลางตัวรับไปเล่นมิดฟิลด์จนตอนนี้เป็นกองหน้า ถือเป็นนักเตะที่ฉลาด ซึ่งตอนนี้ผมก็ดูเขาเล่นให้ ลิเวอร์พูล แทบทุกนัด"
ส่วนคุณครู เอเดรียนน่า จำเด็กชาย ฟีร์มีโน ที่เติบใหญ่ไม่ได้ แม้จะเจอกันที่สนามบินและดาวเตะ ลิเวอร์พูล ได้ถ่ายรูปกับลูกๆ ของเธอในฐานะไอดอลของบรรดาเด็กๆ บราซิลยุคปัจจุบันนี้
จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วก่อนฟุตบอลโลก 2018 จะเริ่มขึ้นที่ประเทศรัสเซีย เอเดรียน่า ได้รับโทรศัพท์จาก ผอ.โรงเรียน ที่คุ้นหน้านักเรียนจึงได้สอบถามว่า ฟีร์มีโน คือนักเรียนที่เธอเคยสอนหรือไม่ ซึ่งเธอจำไม่ได้หรอก เพราะปริมาณนักเรียนนั้นเยอะเหลือเกิน
ซึ่งทันทีที่ เอเดรียน่า ค้นข้อมูลและจำได้ว่า ฟีร์มีโน คือเด็กคนนั้นที่ท่าทางขี้อายที่บ้านถูกตัดไฟทุกสุดสัปดาห์ ความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความสุขก็ได้ย้อนกลับมาค่อยๆ เริ่มชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้เห็น ฟีร์มีโน นักเรียนที่ตนเองเคยสอนก้าวไปประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนอื่นเดินตาม ก็ไม่มีสิ่งไหนจะมีความหมายไปมากกว่านี้อีกแล้วสำหรับชีวิตของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น