โพสต์เมื่อ 14 ม.ค. 2563 22:27:59 น. เข้าชม 339 ครั้ง แจ้งลบ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับถอยหลังคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันเดส เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เอ็ด วูดวอร์ด กับ แม็ตต์ จัดจ์ 2 ผู้บริหารระดับสูงของ "ผีแดง" นัดคุยกับตัวแทนของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่กรุงลอนดอน ได้ข้อสรุปผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
กระนั้นก็ตามเหตุที่ยืดเยื้อกินเวลาพูดคุยหลายชั่วโมง เพราะว่า เฟเดริโก้ วารานเดส ประธานสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน กับ ฮูโก้ วิอาน่า ผู้อำนวยการ กังวลกับการเสีย แฟร์นันเดส ช่วงกลางฤดูกาล โดยตอนนี้ทีมรั้งอันดับ 4 ลีกโปรตุเกสต้องไล่บี้แชมป์กับ เบนฟิก้า หรืออย่างน้อยก็ต้องคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทีมมีเวลาน้อยมากที่จะหาตัวแทน
สำหรับค่าตัวของ แฟร์นันเดส ที่ แมนฯยู ต้องจ่ายให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คาดว่าอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,850 ล้านบาท) ส่วนแข้งวัย 25 ปีรับค่าเหนื่อย 6 ล้านยูโร (ประมาณ 200 ล้านบาท) เซ็นสัญญากับถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง
กว่าที่ แฟร์นันเดส จะได้ย้ายทีมเรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ แมนฯยู ที่อยากได้ตัวไปปั้นเกม แต่ยังมี ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นตัวนักเตะที่เป็นห่วงอยากให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่มีปัญหาด้านการเงินได้ค่าตัวของเขามากที่สุดเพื่อไปพยุงทีม ซึ่งสิ่งนี้เองคือคาแร็กเตอร์ที่หาได้ยากยิ่ง
แฟร์นันเดส เริ่มอยู่กับทีมเยาวชนของ อินเฟสต้า ตอนอายุ 12 ปี ก่อนไปอยู่กับ เบาวิสต้า และ ปาสเตเลร่า สโมสรที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลุกปั้นนักเตะพรสวรรค์ ซึ่งช่วงนั้นทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกสทั้ง เบนฟิก้า, เอฟซี ปอร์โต้ และ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต่างไม่เห็นแววของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งปี 2012 ก็เหมือนกับนักเตะดาวรุ่งของโปรตุเกสคนอื่นๆ ที่เลือกไปเสี่ยงดวงผจญภัยกับสโมสรลีกดังของยุโรป โดย แฟร์นันเดส ไปอยู่กับ โนวารา ทีมเล็กๆ ของอิตาลี ก่อนที่จะได้ไปอยู่กับ อูดิเนเซ่ และ ซามพ์โดเรีย ตามลำดับ ซึ่งมีหลายทีมใหญ่อยากได้ตัวไปร่วมทัพ อาทิ บาเลนเซีย แต่สุดท้ายเจ้าตัวย้ายกลับบ้านร่วมทัพ สปอร์ติง ลิสบอน ด้วยเหตุผลทางด้านครอบครัว
หลังจากบ่มฝีเท้าเต็มที่และที่ สปอร์ติง ลิสบอน แฟร์นันเดส ได้แสดงภาวะผู้นำอันยอดเยี่ยมออกมา นอกจากผลงานในสนามที่โดดเด่นและได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องช่วง 2-3 ปีมานี้
แฟร์นันเดส กลายเป็นกองกลางเนื้อหอมของยุโรป โดยฤดูกาล 2018-19 นอกจากการแอสซิสต์ยังยิงไป 31 ประตูจาก 52 นัดรวมทุกรายการ ทั้งยามมีบอลและไม่มีบอลคล้ายกับ ชาบี้ เอร์นานเดส, อันเดรียส อิเนียสต้า และ อันเดรีย ปิร์โล่ สิ่งเดียวที่อาจจะเป็นจุดอ่อนก็คือรูปร่างที่บางเกินไป ดังนั้นอาจจะถูกบีบให้คายบอลเร็วและขาดความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน สปอร์ติ้ง ลิสบอน วิฤกติอย่างหนัก เพราะนอกจากปัญหาด้านการเงิน ยังมีไอ้โม่ง 50 คนบุกสนามซ้อม เพราะไม่พอใจที่แพ้ มาริติโม 1-2 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้จบอันดับ 3 วืดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมีนักเตะตัวหลักหลายคนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก
แสดงความคิดเห็น